โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องให้สภาคองเกรสยกเลิก “เพดานหนี้” โดยระบุว่าเป็นเพียงเครื่องมือทางจิตวิทยาที่ไม่มีประโยชน์ในเชิงปฏิบัติ พร้อมประกาศว่าพร้อมนำการผลักดันเรื่องนี้ หากฝ่ายนิติบัญญัติเห็นชอบที่จะล้มเลิกข้อจำกัดในการกู้ยืมเงินของรัฐบาลกลางในปัจจุบัน
ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ว่า “พรรคเดโมแครตต้องการยกเลิกเพดานหนี้ ถ้าพวกเขาต้องการ ผมก็พร้อมเป็นผู้นำเรื่องนี้” และระบุว่าแนวคิดดังกล่าวล้าสมัยและไม่มีความแน่นอนว่าส่งผลดีหรือเสียต่อเศรษฐกิจ ความเห็นนี้เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลสหรัฐฯ เสี่ยงต่อการชัตดาวน์ หากไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณก่อนเส้นตาย
ทรัมป์ยังวิจารณ์อีกว่าการเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงชัตดาวน์ครั้งนี้เป็น “กับดักของพรรคเดโมแครต” พร้อมตำหนิประธานสภาผู้แทนราษฎร ไมค์ จอห์นสัน ว่าไม่ได้แก้ปัญหาอย่างเหมาะสม
โดยในปี 2024 นี้หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ได้พุ่งขึ้นไปสูงเกิน 36 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว โดยหนี้ที่ถือครองโดยสาธารณะอยู่ที่ 29 ล้านล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 99% ของ GDP สหรัฐฯ คาดว่าหนี้ต่อ GDP จะทะลุ 100% ในปี 2025 และอาจเพิ่มขึ้นถึง 172% ภายในปี 2054 หากไม่มีการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง ขณะที่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยหนี้ในปีนี้เพิ่มขึ้น 34% รวมเป็น 882,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่างบประมาณด้านกลาโหม Medicaid และโครงการสำหรับเด็ก
โดยต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นนี้เป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่อยู่ในระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ การขาดดุลทางการคลังยังคงอยู่ที่ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์เท่ากับปีที่แล้ว และรัฐบาลยังคงใช้จ่ายเกินกว่ารายได้อย่างต่อเนื่อง
ทรัมป์ยังเผยว่าได้พูดคุยกับ อีลอน มัสก์ ในประเด็นนี้ ก่อนที่มัสก์จะแสดงความเห็นในทิศทางเดียวกันผ่าน X (Twitte) โดยทรัมป์กล่าวว่า “ผมบอกเขาว่าถ้าเขาเห็นด้วยกับผม ก็ให้ออกแถลงการณ์ ซึ่งเขาก็พูดในสิ่งที่ตรงกับมุมมองของผม” ท่าทีของทรัมป์ในครั้งนี้จึงสะท้อนถึงมุมมองทางการคลังที่ต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ท่ามกลางวิกฤตหนี้ที่ยังหาทางออกไม่ได้
ที่มา: CryptoPolitan