Bitcoin ร่วงลงมาต่ำกว่าระดับ 90,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 ส่งผลให้นักวิเคราะห์กังวลเกี่ยวกับแนวโน้มขาลงที่อาจเกิดขึ้นเพิ่มเติมจากแรงขายต่อเนื่องในกองทุน Bitcoin ETF ของสหรัฐฯ
ข้อมูลจาก Cointelegraph Markets Pro ระบุว่า Bitcoin ร่วงลงแตะ 87,629 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 เดือน โดยการลดลงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากมีการเทขาย Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ อย่างหนัก ซึ่งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์เพียงวันเดียว มีเงินไหลออกสุทธิถึง 516 ล้านดอลลาร์
โดยในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทุน Bitcoin ETF มีบันทึกยอดเงินไหลออกสุทธิรวมกว่า 1.14 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นช่วงสองสัปดาห์ที่มีการถอนเงินมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มซื้อขายเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2024 ตามข้อมูลจาก Farside
ซึ่งสาเหตุหลักของการเทขายครั้งนี้ อาจเกี่ยวข้องกับความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยล่าสุดอดีตประธานาธิบดี Donald Trump คาดการณ์ว่า ประธานาธิบดีจีน Xi Jinping อาจเดินทางเยือนสหรัฐฯ พร้อมแสดงความเป็นไปได้ในการเจรจาการค้ารอบใหม่ แต่ยังไม่มีการกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจน ตามรายงานของ Reuters เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์
นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนคริปโตยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายใน หลังจากที่อุตสาหกรรมเผชิญกับการแฮ็กครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ หลังแพลตฟอร์ม Bybit สูญเสียสินทรัพย์ไปกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ซึ่งทำให้ตลาดเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง
ตามข้อมูลจาก CoinGlass ตลาดคริปโตถูกชำระบัญชีไปแล้วกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบให้เทรดเดอร์กว่า 362,000 ราย ถูกชำระบัญชีรวมมูลค่ากว่า 523 ล้านดอลลาร์
แม้การร่วงลงของ Bitcoin จะสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนบางส่วน แต่การปรับฐานลักษณะนี้ถือเป็นเรื่องปกติของวัฏจักรตลาดคริปโต โดย Raoul Pal ซีอีโอของ Global Macro Investor ได้เปรียบเทียบว่าการปรับฐานครั้งนี้คล้ายกับโครงสร้างตลาดในปี 2017 ซึ่ง Bitcoin เคยเผชิญการปรับฐานถึง 28% ถึง 5 ครั้ง โดยแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน
ทั้งนี้ บทความดังกล่าวเป็นเพียงแค่การเสนอข่าวเท่านั้น การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนอาจเสียเงินทั้งจำนวนได้ ดังนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาและประเมินความเสี่ยงก่อนที่จะลงทุนในสินทรัพย์ใดๆ อยู่เสมอ
ที่มา: Cointelegraph