ข้อมูลล่าสุดพบว่า Bitcoin มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวและทะลุแนวต้านจิตวิทยาที่ 90,000 ดอลลาร์ หลังจากที่ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อในสหรัฐฯ เริ่มลดลง
แม้ว่าราคา Bitcoin จะเผชิญกับแนวโน้มขาลงมากว่าสองเดือน และสร้างความกังวลว่าอาจสิ้นสุดวัฏจักรตลาดขาขึ้นในรอบนี้ แต่ Markus Thielen ซีอีโอของ 10x Research เชื่อว่า Bitcoin ยังมีโอกาสดีดกลับมาอยู่ในระดับ 90,000 ดอลลาร์ได้ เนื่องจากท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่อาจผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน
“เราคาดว่าตลาดจะมีการรีบาวด์ เนื่องจากราคาถูกขายมากเกินไป และ Fed อาจมีแนวโน้มผ่อนคลายเล็กน้อย” Thielen กล่าวกับ Cointelegraph พร้อมเสริมว่า “นี่ไม่ใช่สัญญาณขาขึ้นที่แข็งแกร่งมากนัก แต่เป็นการปรับแต่งจากฝั่งผู้กำหนดนโยบาย ซึ่งอาจทำให้ BTC กลับขึ้นไปที่ 90,000 ดอลลาร์ได้”

นอกจากนี้ นักลงทุนอาจมีความเชื่อมั่นมากขึ้น หลังจากที่ Jerome Powell ประธาน Fed กล่าวว่าธนาคารกลางจะ “ยังไม่เร่งดำเนินนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดขึ้น” ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ
โดย 10x Research ได้โพสต์ใน X ว่า Powell แสดงความกังขาต่อผลกระทบของนโยบายภาษีนำเข้าของ Donald Trump ที่อาจกระตุ้นเงินเฟ้อ และอ้างอิงถึงสถานการณ์ปี 2019 ที่สุดท้าย Fed ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยถึงสามครั้ง
ขณะเดียวกัน ตลาดกำลังจับตาผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันนี้ ซึ่งอาจส่งผลต่อความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง Bitcoin เทรดเดอร์ให้ความสนใจกับสัญญาณเกี่ยวกับการยุติโครงการลดสภาพคล่อง (QT) ของ Fed ซึ่งอาจช่วยเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ตลาด
“การตัดสินใจของ Fed ที่กำลังจะเกิดขึ้น อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นสำคัญสำหรับการเคลื่อนไหวของ Bitcoin” Iliya Kalchev นักวิเคราะห์จาก Nexo กล่าว พร้อมเสริมว่า “หาก Powell แสดงท่าทีสนับสนุนตลาดการเงินมากขึ้น Bitcoin อาจได้รับแรงหนุนให้กลับมาฟื้นตัว” อย่างไรก็ตาม หากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อยังอยู่ หรือ Fed ยืนยันที่จะใช้นโยบายทางการเงินที่เข้มงวดต่อไป อาจทำให้แนวโน้มขาขึ้นของ Bitcoin ถูกจำกัด
ปัจจุบันตลาดให้น้ำหนักถึง 99% ว่า Fed จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม ตามข้อมูลจาก CME Group’s FedWatch Tool

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนเริ่มลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ลงมากถึง 40% ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และอาจส่งผลต่อทิศทางราคาของ Bitcoin ในอนาคต
ที่มา: Cointelegraph