เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา คุณพิชัย จาวลา นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง และเจ้าของทฤษฎีผลประโยชน์ ได้ร่วมพูดคุยในรายการ Money Chat Thailand โดยแสดงมุมมองเชิงลึกเกี่ยวกับทิศทางของราคา Bitcoin ซึ่งเขาย้ำชัดว่าเป้าหมายสูงสุดของ Bitcoin ในรอบนี้ยังคงอยู่ที่ 120,000 ดอลลาร์ ไม่เปลี่ยนแปลง
“Bitcoin มากที่สุดที่ผมให้จะขึ้นมาถึงประมาณเนี่ย คือประมาณ 120,000 ดอลลาร์ ให้แค่นี้… ตอนนั้น ราคา Bitcoin อยู่ประมาณ 80,000 – 85,000 ดอลลาร์”
เขากล่าวว่าในช่วงที่ราคาขึ้นมาใหม่ ๆ เหรียญอื่น ๆ กลับร่วงแรง แสดงถึงความกลัวที่ยังซ่อนอยู่ในตลาด แม้ราคาจะฟื้นขึ้นมาแล้วแต่คุณพิชัยกลับมองว่านี่คือจังหวะ “ขาย” เพราะราคาได้มาถึงจุดที่ควรจะขายไปแล้ว
“ตอนนี้มันก็กลับมาแล้วนะ… ก็ยังอยู่ที่ 120,000 ดอลลาร์ เท่านี้แหละ จะไม่เกินไปกว่านี้”
ต่อมาเขาอธิบายมุมมองของตลาดผ่านการวิเคราะห์ 3 กลุ่ม ได้แก่ คนที่ชอบ Bitcoin, คนที่ไม่ชอบ และคนส่วนน้อย โดยเริ่มจากกลุ่มแรก เขาตั้งข้อสังเกตว่า “คนที่ชอบ Bitcoin วันนี้ เขาซื้อกันหมดแล้ว” และเสริมว่า
“ลองไปหาดูว่า คนที่ชอบ Bitcoin มีไหมที่ยังไม่ซื้อ หรือไม่มีในพอร์ต… ถ้าเกิดว่าไม่มี ก็เป็นความน่าระแวงอย่างหนึ่งแล้วนะ”
ส่วนกลุ่มที่ไม่ซื้อ Bitcoin คุณพิชัยย้ำว่า ถึงแม้จะมีปัจจัยเชิงบวกมากมาย ทั้งทรัมป์, Fed และสถาบันใหญ่ระดับโลกต่างออกมาเคลื่อนไหว แต่คนกลุ่มนี้ก็ยังไม่ซื้อ แปลว่าอาจไม่มีปัจจัยใหม่ใด ๆ ที่จะเปลี่ยนใจพวกเขาได้อีก
“ตอนนี้คนระดับโลกอะ ออกมาเล่นใหญ่กันระดับโลก… เขายังไม่ซื้อเลย แล้วอะไรจะมาเปลี่ยนใจให้เขาไปซื้อข้างบนได้อีกหรอ”
เมื่อพิธีกรถามถึงกรณีที่ทรัมป์ประกาศเก็บ Bitcoin เป็นทุนสำรองถึง 1 ล้านเหรียญ คุณพิชัยตอบกลับทันทีว่า
“ทุกปัจจัยมันชัดเจนหมดแล้ว แต่คนที่เขายังไม่ซื้ออีกอะ เขาจะเปลี่ยนใจซื้อข้างบน มันหวังได้หรอ แปลว่า เขาไม่ซื้อแล้ว… มันก็ทำให้อันตรายมาก”
จากนั้นเขาย้ายมุมมองไปยัง “กลุ่มคนส่วนน้อย” ที่มีเป้าหมายตรงข้ามกับฝูงชน คือ “ขายตอนที่คนส่วนใหญ่ซื้อ” และ “ซื้อเวลาที่คนส่วนใหญ่ขาย” โดยไม่สนใจเหตุผล เพราะ “ราคาจะกำหนดเหตุผล”
เขาตั้งคำถามว่า ถ้าวันนี้พวกเราซื้อ Bitcoin หมดแล้ว แล้วใครจะเป็นคนมาซื้อจากเราที่ราคาบนดอย? โดยเปรียบเทียบว่า
“วันนี้เราออกมาเล่นใหญ่กันทั้งโลกแล้ว ไพ่หมดหน้าตัก หมดมือแล้ว… มันไม่มีใหญ่กว่านี้แล้วนะ… เราจะดึงราคาขึ้นไปอีกได้หรอ?… เดี๋ยวเหมือนหมากับเงาหรือเปล่า?”
สำหรับฝ่ายที่ยังเชื่อว่าราคาจะไปต่อ เขาถามกลับว่า
“มีปัจจัยอะไรอะ?… เราจะรับความเสี่ยงไหม?… แล้วเราจะไปซื้อที่ส่วนใหญ่ขายให้… เพื่ออะไร?… หรือไม่ก็ขายตรงนี้เลย เพราะมันได้เท่านี้ ลองมองจากคน 3% ดู”
เขายืนยันว่าในอดีต จุดสูงสุดของราคาทุกครั้งมักจะมาพร้อมกับ “เหตุผล” ที่ฟังดูสมบูรณ์แบบทั้งหมด ก่อนที่ราคาจะร่วงแรง
“จุดสูงสุดมันไม่เคยใช่จุดสูงสุดหรอก มันคือจุดที่เหตุผลทุกข้อ ทุกอย่างคอนเฟิร์มหมดว่า มันยังขึ้นไปต่อ… สภาพก่อนลงมันเป็นอย่างงั้น”
คุณพิชัยเปรียบเทียบสถานการณ์ Bitcoin ตอนนี้ กับตลาดหุ้นไทยช่วงที่ SET อยู่ที่ 1,700 จุด และหุ้นกลุ่ม Finance บูมแรง ๆ ซึ่งสุดท้ายก็เข้าสู่ขาลงแบบไม่ทันตั้งตัว
“วันนี้ผมมองว่า อันตราย แล้วก็เหมือนกับ SET ตอนขึ้น 1,700 ตอนหุ้น Finance ขึ้นบูม… มันเหมือนกันกับ Bitcoin ตอนนี้”
เขาจึงย้ำอีกครั้งว่า หากเราเข้าซื้อตอนนี้ นั่นแปลว่า “เราอยู่บนดอยแล้ว”
“ถ้าเราซื้อตอนนี้เราเป็นคนส่วนใหญ่… เรานั่นแหละคือ ข้างบนบนดอย”
แม้หลายคนยังถามว่า ถ้า Bitcoin ลงไปแล้วจะขึ้นมาอีกได้ไหม? เขาตอบว่า
“อันนี้ค่อยว่ากัน… แต่ถ้าถามว่า ผมว่า ไม่ใช่ มันอันตรายขนาดนั้น”
ท้ายที่สุด เขาได้พูดถึงแก่นแท้ของการ “เห็น” แทนที่จะ “วิเคราะห์” โดยกล่าวว่า
“เวลาผมวิเคราะห์ ผมไม่ได้วิเคราะห์ ผมเห็น… การวิเคราะห์ การคิด อันนั้นเป็นระดับตื้น ๆ… ระบบเหนือกว่านั้น เขาเล่นกับความแน่ใจในความจริงของเรา… จริง ๆ มันเป็นแค่ความจริงเสมือน”

เขาปิดท้ายด้วยท่าทีอ่อนโยนและไม่กดดันให้ใครต้องเชื่อ พร้อมย้ำว่าเขาเพียงอยากแชร์มุมมอง และถึงแม้ทฤษฎีของเขาจะผิด เขาก็พร้อมยอมรับโดยไม่ลังเล
“ผมมีแต่ได้กับได้… ถ้าเกิดว่า มันใช่ เราก็ยังจะใช้ทฤษฎีนี้ต่อไป… ถ้ามันไม่ใช่… ผมจะเป็นคนแรกเลยนะ ผมก็จะดีใจด้วยว่า ทฤษฎีนี้มันใช้ไม่ได้… ผมจะไม่ประนีประนอมไปกับหลักการของผม แล้วผมก็ไม่อยากให้ใครเชื่อด้วย… แค่ฟังแล้วเอาไปวิเคราะห์ดู แล้วเอาไปตัดสินใจกันเอาเอง”
ก่อนจบ เขาเผยว่าจะเปลี่ยนชื่อจาก “ทฤษฎีผลประโยชน์” เป็นชื่อใหม่ที่ตรงตัวมากขึ้นว่า
“จริง ๆ ผมจะเปลี่ยนชื่อทฤษฎีอีกรอบแล้ว เป็น ‘ทฤษฎีคนเพื่อนน้อย’ เพราะมันเป็นธรรมดาของทุกรอบ”


