<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ChatGPT-5 เจอกระแสตีกลับ ผู้ใช้โวย “ด้อยกว่า GPT-4o” จน OpenAI ต้องถอย

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

OpenAI กำลังเผชิญกับกระแสตีกลับอย่างรุนแรงหลังเปิดตัว ChatGPT-5 หรือ GPT-5 รุ่นล่าสุดที่ถูกโปรโมทว่าเป็น “โมเดลที่ฉลาดที่สุด เร็วที่สุด และมีประโยชน์ที่สุด” สำหรับผู้ใช้ทุกคน แต่เพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมงหลังเปิดตัว เสียงวิจารณ์จากผู้ใช้จำนวนมากบน Reddit และ X (Twitter เดิม) กลับสะท้อนความผิดหวังอย่างชัดเจน หลายคนบอกว่า GPT-5 รู้สึก “ด้อยกว่าเดิม” เมื่อเทียบกับ GPT-4o ที่เพิ่งถูกถอดออก ผู้ใช้บางรายบรรยายว่าการสนทนากับ GPT-5 กลายเป็นการตอบที่สั้นลง แข็งทื่อ และขาดความเป็นธรรมชาติ ราวกับว่าบุคลิกและเสน่ห์ในการคุยหายไป เหลือเพียงเครื่องจักรที่ตอบแบบทางการเกินไป แม้จะมีความสามารถเชิงเทคนิคที่สูงขึ้นก็ตาม

ใน Reddit มีหัวข้อ “GPT-5 is horrible” ที่มียอดโหวตกว่า 4,600 ครั้งและความเห็นมากกว่า 1,700 ข้อความ เต็มไปด้วยคำบ่น เช่น “รู้สึกเหมือน AI สูญเสียความจำและอ่านไม่รู้เรื่อง” หรือ “นี่คือ shrinkflation เวอร์ชัน OpenAI” เสียงวิจารณ์ยังรวมถึงการจำกัดสิทธิ์ผู้ใช้ Plus ให้ใช้โหมด Thinking ของ GPT-5 ได้เพียง 200 ข้อความต่อสัปดาห์ และไม่สามารถเลือกใช้โมเดลเก่าอย่าง GPT-4o หรือ GPT-4.1 ได้อีกต่อไป ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อเวิร์กโฟลว์ของผู้ใช้ที่ต้องพึ่งพา AI ในงานสร้างสรรค์ การ roleplay หรือการทำงานกับลูกค้าที่ต้องการสไตล์เฉพาะตัว

แรงกดดันจากชุมชนผู้ใช้ทำให้ Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ต้องออกมาประกาศอย่างรวดเร็วว่าจะนำ GPT-4o กลับมาให้สมาชิก Plus เลือกใช้ได้อีกครั้ง แม้จะยังไม่ยืนยันว่าจะเปิดให้ใช้งานถาวรหรือไม่ การตัดสินใจนี้สะท้อนว่าผู้ใช้ไม่ได้ให้ความสำคัญแค่ประสิทธิภาพเชิงเทคนิคของ AI แต่ยังให้ความสำคัญกับบุคลิก โทนการตอบ และความคุ้นเคยที่สร้างความผูกพันกับโมเดล ซึ่ง GPT-4o เคยทำได้ดีกว่า

แม้ GPT-5 จะถูกออกแบบมาให้มีการใช้เหตุผลที่ลึกขึ้น เขียนโค้ดได้แม่นยำขึ้น และรองรับงานเขียนระยะยาว แต่ OpenAI ต้องเผชิญความท้าทายในการปรับปรุงบุคลิก การจำกัดการใช้งาน และประสบการณ์ผู้ใช้ให้สมดุลระหว่าง “ความฉลาด” และ “ความเป็นมิตร” ของ AI เหตุการณ์นี้ยังสะท้อนบทเรียนสำคัญในยุค AI ว่า ความไว้วางใจและความผูกพันของผู้ใช้ อาจมีความหมายไม่แพ้ความสามารถทางเทคนิค และในอนาคตเราอาจได้เห็นทิศทางใหม่ที่ผู้ใช้สามารถปรับแต่งบุคลิก AI ให้ตรงกับความต้องการของตนเองได้มากขึ้น

ที่มา: techradar