เช้าวันนี้ (31 ต.ค. 2025) โลกคริปโตต้องตกตะลึง เมื่อ Sam Bankman-Fried (SBF) อดีตซีอีโอและผู้ก่อตั้ง FTX ที่กำลังรับโทษจำคุกจากคดีฉ้อโกง ได้ส่งสารผ่านโพสต์บนบัญชี X ส่วนตัว พร้อมแนบเอกสารความยาว 15 หน้า ยืนยันว่า “ FTX ไม่เคยล้มละลาย แม้แต่ตอนที่ทนายของบริษัทยื่นล้มละลายในปี 2022 ก็ตาม”
ในเอกสารดังกล่าว SBF ระบุว่า FTX มีลูกค้ากว่า 7 ล้านราย ที่ฝากเงินรวมกันราว 20,000 ล้านดอลลาร์ กับบริษัทก่อนจะเกิดเหตุวิกฤตถอนเงินไม่ได้ ในเดือนพฤศจิกายน 2022
ขณะนั้น FTX ถูกกล่าวหาว่า ขาดทุนกว่า 8,000 ล้านดอลลาร์ และต้องยื่นล้มละลาย แต่ SBF ยืนยันว่า ตัวเลขนี้ไม่เป็นความจริง
SBF ระบุในเอกสารว่า “FTX ไม่เคยล้มละลายจริง ๆ บริษัทมีสินทรัพย์มากพอจะจ่ายคืนลูกค้าทั้งหมดได้เต็มจำนวน ทั้งในปี 2022 และในวันนี้”
เขาอ้างถึงรายงานจากเอกสารศาล (FTX Trading Ltd. 22-11068, Bankr. D. Del.) ซึ่งระบุว่า บริษัทมีสินทรัพย์มูลค่าประมาณ 15,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาที่ยื่นล้มละลาย
ตามข้อมูลล่าสุดจาก “กองทรัพย์สินของ FTX (Estate)” ลูกค้าประมาณ 98% ได้รับเงินคืนไปแล้ว 120% ของยอดค้างชำระ และหลังจ่ายคืนหนี้กว่า 8,000 ล้านดอลลาร์ รวมถึงค่าทนายกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ บริษัทก็ยังเหลือเงินอยู่ราว 8,000 ล้านดอลลาร์ กล่าวคือ FTX มีเงินมากกว่าที่เป็นหนี้อยู่จริง
วิกฤต FTX ในปี 2022 เกิดจากแค่ “การขาดสภาพคล่อง”
SBF อธิบายว่า วิกฤต FTX ในปี 2022 ไม่ได้เกิดจากการขาดทุน แต่เป็นเพียง “วิกฤตสภาพคล่อง (Liquidity Crisis)” หรือพูดง่าย ๆ คือ “ขาดเงินสดหมุนเวียนชั่วคราว”
เขากล่าวอ้างว่า ปัญหานี้ใกล้จะได้รับการแก้ไขอยู่แล้ว จนกระทั่งที่ปรึกษาภายนอกเข้ามาควบคุมกิจการ และตัดสินใจยื่นล้มละลายก่อนเวลาที่เหมาะสม
SBF จากอัจฉริยะสู่นักโทษ ?
สำหรับผู้ที่เพิ่งเข้ามาในวงการ FTX เคยเป็นหนึ่งในกระดานเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อนจะล่มสลายในปี 2022 จากข้อกล่าวหาว่า SBF ใช้เงินลูกค้ากว่า 8,000 ล้านดอลลาร์ โดยมิชอบ
SBF ถูกตัดสินว่า มีความผิดฐานฉ้อโกงนักลงทุน และถูกจำคุกในสหรัฐฯ แต่การออกมาเปิดเผยข้อมูลครั้งนี้ เปรียบเหมือนการออกมา “สู้ศึกครั้งสุดท้าย” เพื่อพิสูจน์ว่า ตนเองถูกเข้าใจผิด
อย่างไรก็ตาม โพสต์ล่าสุดของ SBF ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการคริปโตอีกครั้ง หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า “ถ้า FTX ไม่ได้ล้มละลายจริง” ใครคือ ผู้มีส่วนผลักดันให้บริษัทต้องยื่นล้มละลาย และเหตุใดเงินของลูกค้าจึงเพิ่งถูกคืนในตอนนี้
ราคา FTT พุ่ง 11% หลังข่าวสะพัด
หลังจากที่ SBF โพสต์เอกสารดังกล่าวออกมา ตลาดคริปโตได้ตอบสนองทันที โดยราคาของโทเคน FTT (FTX Token) ซึ่งเป็นโทเคนดั้งเดิมของ FTX ได้พุ่งขึ้นราว 11% ภายในไม่กี่ชั่วโมง สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนบางส่วนยังคงมีความหวังต่อการฟื้นตัวของแพลตฟอร์ม หรืออย่างน้อยก็เชื่อว่าข้อมูลที่ SBF เปิดเผยอาจส่งผลดีต่อคดีความในอนาคต
การเคลื่อนไหวของราคาครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณว่าตลาดยังคงจับตาดูคดีของ FTX อย่างใกล้ชิด แม้ว่าหลายฝ่ายจะยังคงระมัดระวังและตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่ SBF นำเสนอ