ซีเค เจิง CEO Fastwork ได้ขึ้นแชร์มุมมองแบบสวนกระแสโลก ในงาน thailand blockchain week 2025 เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยยืนยันชัดเจนว่า AI ยังห่างไกลจากคำว่า “ฟองสบู่” พร้อมอธิบายให้คนจำนวนมากฟังว่า พวกเขาอาจเข้าใจผิด เพราะยังไม่เข้าใจ “ฟองสบู่ดอทคอม” ในปี 1999
ซีเค เจิง กล่าวว่า “เรายังห่างไกลจากฟองสบู่มาก และมองว่า AI คือ S-curve ใหม่ ที่มีศักยภาพในการเติบโต และอาจจะโหดกว่าทุกครั้งที่เราเคยเจอมา”
ซีเคอธิบายว่า วิกฤตฟองสบู่ดอทคอมในยุคนั้นเกิดจากการเข้ามาแบบไร้ข้อจำกัดของผู้เล่นอินเทอร์เน็ต ใครๆ ก็สร้างเว็บไซต์ได้โดยแทบไม่มีต้นทุน ส่งผลให้เกิดการเก็งกำไรเกินจริง
แต่ AI ในปัจจุบันกลับตรงกันข้าม เพราะการสร้างโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) หรือระบบ AI ขั้นสูง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องใช้ทรัพยากรทางเทคโนโลยีสูงมาก ทั้งด้านข้อมูลและพลังประมวลผล
ซีเคมองว่า เหตุผลที่หุ้นกลุ่ม AI พุ่งแรง ไม่ได้มาจากความฟุ้งเฟ้อเหมือนยุคดอทคอม แต่เกิดจาก บริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งจริงๆ เช่นกลุ่ม “หุ้น 7 นางฟ้า” อย่าง Meta, Google, Amazon และ Nvidia ซึ่งต่างก็เป็นผู้นำเทคโนโลยีในระดับโลก
เขายังชี้ให้เห็นว่า ปัจจัยจำกัดของ AI ตอนนี้ ไม่ใช่ความสามารถของเทคโนโลยี แต่คือ ฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะการขาดแคลน GPU ที่ใช้ประมวลผลโมเดลขนาดใหญ่ ซึ่งแม้แต่ Nvidia เองก็ผลิตไม่ทันความต้องการของตลาด
“ตราบใดที่เรามีชิปมากขึ้น AI ก็จะฉลาดขึ้นเรื่อยๆ”
ซีเคยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายว่า สถานการณ์ AI ตอนนี้คล้ายกับช่วงแรกของ “สมาร์ทโฟน”
ตอนที่ iPhone เพิ่งเปิดตัว และยังไม่มี Samsung หรือแอปพลิเคชันเต็มตลาด นั่นหมายความว่า AI ยังอยู่ในจุดเริ่มต้นของ S-Curve ที่จะเติบโตอย่างรุนแรงในอนาคต
จากมุมมองของซีเค เจิง “AI ยังไม่ใช่ฟองสบู่” เพราะมันไม่ได้โตจากความคาดหวัง แต่โตจากเทคโนโลยีจริง ปัญหาจริง และโอกาสจริง และถ้าหากเขาคิดถูก โลกอาจกำลังยืนอยู่บนจุดเริ่มต้นของ “การปฏิวัติครั้งใหญ่ที่สุดในยุคเทคโนโลยี”