รายงานล่าสุดจากนักวิเคราะห์ของ JPMorgan ระบุชัดเจนว่า กลยุทธ์ของบริษัท MicroStrategy ได้กลายเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของราคา Bitcoin ในระยะสั้น แซงหน้าอิทธิพลของกลุ่มนักขุดเหมืองไปแล้ว โดยมองว่าความแข็งแกร่งทางการเงินและการตัดสินใจเด็ดขาดที่จะ “ไม่เทขาย” Bitcoin ที่ถือครองอยู่มหาศาลถึง 650,000 BTC (มูลค่ากว่า 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์) ทำหน้าที่เป็นเสาหลักสร้างเสถียรภาพให้กับตลาด ท่ามกลางแรงกดดันจากการขายของฝั่งนักขุด
นักวิเคราะห์ประเมินว่า MicroStrategy มีความเสี่ยงต่ำมากที่จะถูกบังคับให้ขายสินทรัพย์ โดยมีอัตราส่วนมูลค่ากิจการต่อ Bitcoin (Enterprise Value-to-BTC ratio) อยู่ที่ระดับปลอดภัย 1.13 และมีเงินสำรองสำหรับหนี้สินถึง 1.44 พันล้านดอลลาร์ พร้อมคาดการณ์ว่าหาก Bitcoin มีพฤติกรรมการซื้อขายคล้ายทองคำที่เน้นความมั่นคงของงบดุลองค์กร ราคาอาจพุ่งแตะ 170,000 ดอลลาร์ได้
มุมมองนี้ตอกย้ำการเปลี่ยนผ่านของตลาดที่หันมาให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ มากกว่าความกังวลเรื่องต้นทุนการขุดที่พุ่งสูงถึง 90,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากปัจจุบันบริษัทเหมืองหลายแห่งเริ่มกระจายรายได้ไปยังธุรกิจ AI ทำให้รายได้ของพวกเขาเริ่มแยกตัวออกจากราคา Bitcoin แล้ว
รายงานฉบับนี้ยังชี้ให้เห็นว่าความเชื่อมั่นในความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทอย่าง MicroStrategy มีน้ำหนักต่อการกำหนดราคามากกว่าการตัดสินใจของกลุ่มผู้ขุดเหมือง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงแนวคิดจากเดิมที่มักมองว่าการเทขายของนักขุด (Miner Capitulation) เป็นตัวแปรสำคัญ โดยปัจจัยขับเคลื่อนราคาในปัจจุบันได้เปลี่ยนไปสู่กลยุทธ์การถือครองระยะยาวของสถาบันอย่างชัดเจน
ที่มา: @CoinMarketCap

