<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

BlackRock ดัน Bitcoin ETF ขึ้นแท่น ‘ธีมการลงทุนหลักปี 2025’ ไม่สนราคาดิ่ง-ย้ำชัด “ของมันต้องมี”

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่สร้างความประหลาดใจให้กับวงการการเงินทั่วโลก BlackRock ผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ประกาศเลือกกองทุน iShares Bitcoin Trust (IBIT) ให้เป็นหนึ่งใน 3 ธีมการลงทุนยอดเยี่ยมประจำปี 2025

โดยไม่สนใจความจริงที่ว่าราคา Bitcoin กำลังอยู่ในช่วงขาลงและทำผลงานได้น่าผิดหวังในปีนี้ การตัดสินใจครั้งนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนและทรงพลังที่สุดว่า ยักษ์ใหญ่แห่ง Wall Street รายนี้กำลังเดิมพันระยะยาวกับอนาคตของคริปโตอย่างหมดหน้าตัก

กล้าเลือก ‘ม้าขาลง’ ยืนเทียบชั้นพันธบัตร-หุ้นสหรัฐฯ

สิ่งที่ทำให้การประกาศนี้น่าตกตะลึงคือ BlackRock ได้วางตำแหน่งกองทุน Bitcoin (IBIT) ไว้เคียงข้างกับสินทรัพย์ดั้งเดิมที่มีความเสถียรสูงอย่างกองทุนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น (SGOV) และกองทุนหุ้นสหรัฐฯ ชั้นนำ 20 ตัว (TOPT)

ทั้งที่ในความเป็นจริง ผลตอบแทนของ Bitcoin ตั้งแต่ต้นปี ปรับตัวลดลงกว่า 4% ซึ่งถือเป็นการติดลบรายปีครั้งแรกในรอบ 3 ปี แต่ถึงกระนั้น เสน่ห์ของ IBIT กลับไม่ได้ลดน้อยลงในสายตานักลงทุน โดยกองทุนสามารถดึงดูดเม็ดเงินไหลเข้า ได้มหาศาลกว่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่เดือนมกราคม ครองอันดับ 6 ของ ETF ที่มีเงินไหลเข้าสูงสุดในปี 2025

ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่คือ “ความเชื่อมั่น”

เนท เกราชิ (Nate Geraci) ประธานของ ETF Store วิเคราะห์เกมนี้ว่า นี่ไม่ใช่แค่การโปรโมทสินค้าเพื่อหวังโกยค่าธรรมเนียม เพราะหาก BlackRock ต้องการแค่รายได้ พวกเขาก็มีกองทุนอื่นที่เก็บค่าธรรมเนียมแพงกว่าและทำผลงานได้ดีกว่ามากในปีนี้ อย่างเช่นกองทุนทองคำ (IAU) ที่กำลังพุ่งแรง แต่พวกเขากลับเลือกที่จะสปอตไลท์ไปที่กองทุน Bitcoin ที่กำลังขาดทุนแทน

เกราชิชี้ว่า นี่เป็นเรื่องผิดปกติอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมกองทุนรวม ที่ผู้จัดการกองทุนมักจะชอบอวดผลงานของกองทุนที่กำไรดีๆ แต่การกระทำของ BlackRock ครั้งนี้ตีความได้ทางเดียวคือ พวกเขากำลัง “Doubling Down” หรือเพิ่มน้ำหนักความเชื่อมั่นอย่างสุดตัวว่า Bitcoin สมควรเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุนที่หลากหลายสำหรับนักลงทุนทุกคน ไม่ใช่แค่สินทรัพย์เก็งกำไรอีกต่อไป

การที่เบอร์หนึ่งของโลกกล้าเอาชื่อเสียงมาการันตี “ของที่กำลังราคาตก” เช่นนี้ อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ลบภาพจำเดิมๆ และยกระดับ Bitcoin ให้กลายเป็นสินทรัพย์สามัญประจำบ้านเทียบเท่ากับเงินสดและหุ้นในที่สุด

ที่มา: coindesk