<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ผู้สร้างเหรียญ Cardano (ADA) กล่าว “จะใช้เวลาอีก 11 ปี กว่าตลาดคริปโตจะเติบโตเต็มที่”

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

อ้างอิงจาก Cointelegraph นาย Charles Hoskinson ผู้สร้าง Cardano (ADA) และผู้ที่ได้รับการยกย่องชื่นชมในวงการคริปโต แสดงความเห็นว่า จะใช้เวลาอีกกว่า 11 ปีที่ตลาดคริปโตจะเติบโตเต็มที่

ความเห็นของผู้สร้าง Cardano

นาย Hoskinson ได้อธิบายว่า วัฏจักรการเติบโตของวงการคริปโตนั้นคล้าย ๆ กับของ Amazon และพวกบริษัทยุคฟองสบู่ดอทคอมในปี 2000 Amazon นั้นเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าลดลงอย่างมหาศาลในช่วงเวลานั้น แต่ก็สามารถอยู่รอดมาได้จนกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก

“มันอาจใช้เวลาถึง 11 ปีสำหรับอุตสาหกรรมคริปโตกว่าเราจะฟื้นตัวเท่ากับปี 2017 แต่เมื่อไปถึงจุดนั้น นิเวศน์ต่าง ๆ จะมีความแตกต่างออกไป เราจะมีผู้ใช้งานเป็นล้าน ๆ หรืออาจจะพันล้านคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์อันเรียบง่าย”

ถึงแม้ในปัจจุบันเทคโนโลยีต่าง ๆ นั้นจะยังไม่รองรับการใช้งานจำนวนมากของผู้ใช้เท่าไรนัก แต่ด้วยแผนการพัฒนาของ Cardano พวกเขามั่นใจว่าอนาคตจะมีการเงินแบบ Decentralized ได้

นาย Hokinson เชื่อว่า การเข้าลงทุนของสถาบันต่าง ๆ, กฎหมายที่กำลังจะเกิดขึ้น และความต้องการที่ทำให้เกิดเครื่องมือและทางเลือกในการเทรดที่ดีขึ้นจะผลักดันให้อุตสาหกรรมคริปโตนั้นเริ่มคงที่มากขึ้น

“นักลงทุนระดับสถาบันนั้นค่อนข้างเรื่องมาก พวกเขาเป็นนักลงทุนที่ฉลาดมาก นักลงทุนเหล่านั้นต้องการนิเวศน์ที่มีเครื่องมือและกลยุทธ์ในการลงทุนที่มากกว่านี้ พวกเขาต้องการอนุพันธ์, Options, Short ซึ่งถ้าตลาดของเรามีสิ่งเหล่านั้นให้ เราก็จะไม่ได้เห็นความผันผวนที่สูงขนาดนี้อีกต่อไปแล้วเช่นกัน”

ถึงแม้ในปี 2018 จะเป็นปีที่ย่ำแย่สำหรับนักลงทุน แต่ในแง่ของเทคโนโลยีแล้ว โปรเจกต์คริปโตจำนวนมากเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในระยะเวลา 1 ปี ไม่ว่าจะในแง่ของพื้นฐาน, เงินลงทุนของสถาบันต่าง  ๆ และเป็นการกรอง “โปรเจกต์เสีย ๆ ” ให้ออกไปจากวงการอีกด้วย

ในปี 2019 นี้ Cardano วางแผนที่จะทำให้มันเป็นปีที่ยิ่งใหญ่ด้วยการเปิดตัว Shelley ที่จะทำให้เครือข่ายมีความ Decentralized มากขึ้นไปอีก และมีฟีเจอร์อื่น ๆ อีกเช่น การต่อต้านการประมวลผลแบบ Quantum, การโอนเงินแบบ Multi-Signature, ทำให้ใช้งานง่ายขึ้น และเป็นอีกสัญญาณให้มั่นใจว่า Cardo จะเป็นโปรเจกต์ที่จะอยู่รอดต่อไปในอนาคต

ที่มาภาพ Ethereum World News

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น