<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

วิจัยเผย เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ถูกใช้ในการฟอกเงินมากกว่า Bitcoin ถึง 800 เท่า

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา จะสังเกตได้ว่าทั้ง Bitcoin และ Cryptocurrency อื่น ๆ ได้เคยถูกกล่าวหาว่า กลายเป็นเครื่องมือสำหรับการฟอกเงินให้กับสิ่งผิดกฎหมายหรืออาชญากรหลายครั้งมาก จนทำให้เกิดกระแสต่อต้านจากทั้งรัฐบาลและหน่วยงานอื่น ๆ จนในบางประเทศถึงขั้นแบนเลยทีเดียว แต่ดูเหมือนว่า หลังจากที่มีการรวบรวมข้อมูลเกิดขึ้น ความเป็นจริงอาจไม่ใช่แบบนั้น

ความเป็นจริงที่ขัดแย้ง

อ้างอิงจากวิจัยโดย Messari บริษัทด้านการวิจัย ได้เผยว่า เงินดอลลาร์สหรัฐฯ นั้นถูกใช้ในการฟอกเงินมากกว่า Bitcoin เสียอีก ถ้าจะให้มีความเจาะจงขึ้นอีกหน่อยก็คือ เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ถูกใช้ในการฟอกเงินมากกว่า Bitcoin ถึง 800 เท่า:

“ใน Bitcoin ที่มีมูลค่าทุก ๆ 1 ดอลลาร์ที่ถูกใช้จ่ายใน Darknet จะมีเงินดอลลาร์ขั้นต่ำ 800 ดอลลาร์ถูกใช้ในการฟอกเงิน”

จากข้อมูลนี้ มันก็ทำให้เกิดความแย้งว่า จริง ๆ แล้ว Bitcoin ไม่ได้ถูกฟอกเงินเยอะอย่างที่รัฐบาลต่าง ๆ โจมตีกันมาเลย เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา นาย Donald Trump ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ได้กล่าวผ่าน Twitter ว่า Bitcoin นั้นไม่มีมูลค่าอะไร และ Cryptocurrency ที่ไม่ได้ถูกควบคุมอย่างถูกกฎหมายนั้นสามารถถูกใช้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมายได้เช่น การค้ายา และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมไปถึงการฟอกเงินด้วย

ไม่กี่วันหลังจากที่นาย Trump ได้กล่าววิจารณ์ Bitcoin 0นาย Steven Mnuchin เลขาธิการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ก็ได้ออกมาระบายความกังวลของเขาต่อ Cryptcurrency เช่นกัน และก็เป็นการกล่าวเกี่ยวกับเรื่องเดิมที่ เขากลัวว่า Cryptocurrency จะถูกนำไปใช้งานใน Darknet ซึ่งความเป็นจริงแล้ว เงินดอลลาร์สหรัฐฯ เองได้ถูกนำไปใช้เป็นเครื่องในการกระทำสิ่งผิดกฎหมายมากกว่า Bitcoin

ด้วยข้อมูลนี้ ก็สามารถลบล้างการเคลมกล่าวอ้างก่อนหน้านี้ได้ว่า โดยส่วนใหญ่แล้ว BItcoin นั้นถูกนำไปใช้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมายโดยอาชญากร เนื่องจากความเป็นจริงแล้ว การทำธุรกรรมของ Bitcoin นั้นอยู่บนระบบ Blockchain ที่สามารถตามและระบุได้มากกว่าเงิน Fiat อย่างเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เสียอีก

ในทางกลับกัน จากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ ชุมชนคริปโตส่วนหนึ่งก็รู้สึกดีใจเช่นกัน เพราะมันเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า อุตสาหกรรมนั้นเริ่มมีขนาดใหญ่พอที่หน่วยงานต่าง ๆ จะเริ่มให้ความสำคัญ และออกความเห็นเกี่ยวกับมันบ้างแล้ว และก็แน่นอน ตอนนี้ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นที่กฎหมายจะตามมาควบคุม Cryptocurrecny ให้ทัน เพราะสุดท้ายทั้งในแง่ของนวัตกรรมและกฎหมายก็ควรเดินหน้าไปพร้อม ๆ กับเพื่อความสมดุล

ชุมชนคริปโตอีกส่วนหนึ่งก็ได้ออกความเห็นว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาวิจารณ์ Bitcoin นั้นก็อาจจะมาจากการที่พวกเขากลัวว่า Bitcoin อาจส่งผลกระทบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ มากกว่าการที่ Bitcoin จะฟอกเงินได้นั่นเอง

นอกเหนือจาก Bitcoin แล้ว ตอนนี้รัฐบาลสหรัฐฯ และทั่วโลกก็กำลังเผชิญกับศึกหนักอย่าง Libra เหรียญ Stablecoin ของ Facebook ที่ตอนนี้ได้ถูกยอมรับจากหลาย ๆ หน่วยงานทั่วโลกแล้วว่า จะส่งผลต่อเศรษฐกิจระดับโลกอย่างแน่นอน ซึ่งต้องติตดามต่อไปว่า วงการ Cryptocurrency จะอยู่ด้วยกันกับหน่วยงานต่าง ๆ อย่างลงตัวได้อย่างไร

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น