แม้ว่าราคาจะลดลงในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว แต่ Bitcoin ยังคงสามารถปิดแท่งเทียนรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นกว่า 3.21%
ในช่วง 2 สัปดาห์ก่อน Bitcoin ได้ร่วงลงแตะระดับ $ 8,680 โดยมีปัจจัยทางเทคนิคเช่นแนวต้านระยะกลางที่ใกล้ ๆ กับ 10,000 ดอลลาร์และแนวรับที่แข็งแกร่งในระดับ 8,500 ดอลลาร์ คอยช่วยพยุงไม่ให้ราคา bitcoin กลับตัวเปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาลง
อย่างไรก็ตาม Bitcoin ได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในสัปดาห์นี้ เมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเป็นจริงทางเศรษฐกิจ โดยธนาคารกลางมีกำหนดที่จะประชุมรายเดือนสองวันในวันอังคารและวันพุธ ซึ่งผลลัพธ์ของการประชุมจะเป็นตัวกำหนดทิศทางต่อไปของราคา Bitcoin
การประชุมของ Fed
การประชุมของ Fed นั้นสำคัญมาก เพราะมันจะช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนการค้าได้ตามการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจ
หากธนาคารกลางประกาศชะลอตัวทางเศรษฐกิจ สิ่งนี้อาจส่งผลทำให้ประชาชนเปลี่ยนไปถือสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ในขณะเดียวกันหากพวกเขาเห็นว่าเศรษฐกิจมีการเติบโตช้า และเลือกที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ สิ่งนี้ก็อาจเพิ่มความต้องการให้กับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง
Bitcoin นั่นสามารถเป็นได้ทั้งสินทรัพย์ปลอดภัยและสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจมหภาค โดยนักลงทุนจะใช้สกุลเงินดิจิทัลเพื่อจัดการกับพอร์ตที่มีความเสี่ยง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือหาก Fed ยังคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ศูนย์และซื้อพันธบัตรอย่างต่อเนื่อง ผู้คนอาจหันไปสนใจลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้นและราคาของ Bitcoin ก็จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
หนึ่งในเหตุผลเหล่านั้นก็คือ ตลาดหุ้นได้ฟื้นตัวกลับขึ้นมา โดยนับตั้งแต่มีนาคม 2020 ดัชนีหุ้น S&P 500 ฟื้นตัวขึ้นมาเป็นรูปตัว V ทำให้นักลงทุนบางส่วนเห็นว่าตลาดหุ้นจะยังคงเติบโตเพิ่มขึ้นต่อไป ในขณะเดียวกันคนอื่น ๆ ก็เริ่มสงสัยกันว่าการพุ่งขึ้นมาในครั้งนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อใด
ข้อสงสัยเหล่านี้จะจบลงในวันพุธ หากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังคงได้รับการสนับสนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากกระทรวงการคลัง ดัชนีหุ้น S&P 500 อาจปรับตัวพุ่งสูงขึ้นไปอีก ในทางกลับกัน Bitcoin พุ่งทยานตามตัวเร่งปฏิกิริยาที่คล้ายกัน
ซึ่งนั่นหมายถึง การเบรคราคาเหนือระดับแนวต้านสำคัญที่ $ 10,000 และมันจะทำให้นักเทรดมีความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้นว่าราคาจะพุ่งไปแตะระดับ $ 20,000 ภายในช่วงสิ้นปีนี้
ที่มา : bitcoinist