ดูเหมือนว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคา Bitcoin ในปีนี้จะเกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของนโยบายทางการเงินที่ยืดหยุ่นเป็นพิเศษของธนาคารกลางสหรัฐ
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หลายคนต่างพากันมองหาวิธีการป้องกันความเสี่ยง และตัวเลือกแรก ๆ ของพวกเขาก็คือเหรียญคริปโตที่มีมูลค่าตลาดเป็นอันดับหนึ่งของโลกอย่าง Bitcoin และเป็นผลให้ BTC / USD ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 3,858 ดอลลาร์ไปแตะ 10,500 ดอลลาร์ภายในระยะเวลาเพียง 5 เดือน
อย่างไรก็ตามตัวเร่งปฏิกิริยาที่ผลักดันให้ราคา Bitcoin เพิ่มสูงขึ้นอย่างทวีคูณกำลังส่งสัญญาณของการถอนตัวแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสัปดาห์นี้นักลงทุนต่างเริ่มเห็นด้วยกับแนวคิดเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยไม่ต้องมีการสนับสนุนทางการเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง
โดยสิ่งนี้ได้ส่งผลให้ราคา Bitcoin เกิดการปรับฐานครั้งใหญ่ และตอนนี้มีมูลค่าร่วงลดลงกว่า 18 เปอร์เซ็นต์จากระดับสูงสุดของปี
การฟื้นตัวที่แข็งแกร่งเกินคาดในภาคของการผลิตและการจ้างงานนั้นอาจส่งผลทำให้ Bitcoin กลับเข้าสู่ช่วงขาลงได้ในระยะสั้น โดยมีเหตุผลสามประการที่บ่งชี้ว่าราคาของ Bitcoin อาจจะร่วงลงต่ำกว่าระดับ 10,000 ดอลลาร์ในสัปดาห์นี้
1. การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของค่าเงินดอลลาร์
มีคนจำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะดีดตัวเพิ่มขึ้น เมื่อราคาร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเน้นย้ำในเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลงและคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่สูงกว่าการคาดการณ์ก็ตาม
การฟื้นตัวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาอีกครั้ง เนื่องจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงกำลังถูกประเมินมูลค่าไว้อยู่ที่ระดับสูงมากจนเกินไป ยกตัวอย่างเช่นตลาดหุ้นสหรัฐได้เห็นการร่วงลงอย่างมีนัยสำคัญในวันพฤหัสบดี ซึ่งถือว่าเป็นการร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน
ดัชนีหุ้น Nasdaq ร่วงลดลง 1.18 เปอร์เซ็นต์ในสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่ดัชนีหุ้น S&P 500 และ Dow Jones ร่วงลดลง 2.31 เปอร์เซ็นต์และ 1.82 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่านักลงทุนส่วนใหย่ได้ตัดสินใจขายเทขายหุ้นของพวกเขาเพื่อทำกำไร หลังจากกระทรวงแรงงานเปิดเผยตัวเลขการว่างงานที่ลดลงกว่า 8.4%
การปรับตัวเพิ่มขึ้นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐส่งผลทำให้ มูลค่าของสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเช่นทองคำและ Bitcoin ลดลง ความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของเงินดอลลาร์เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ราคา Bitcoin ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 10,000 ดอลลาร์ในสัปดาห์นี้
2. การกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมารายงานจาก Financial Times ได้เผยให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่พรรครีพับลิกันของสหรัฐจะเรียกร้องเงินช่วยเหลือจากพรรคเดโมแครตเป็นมูลค่าสูงถึง 915 ล้านดอลลาร์ แต่ฝ่ายบริหารของทรัมป์กลับมีแนวโน้มที่จะดำเนินการต่อด้วยจำนวนเงินที่ลดลงกว่าครึ่งราว ๆ 500,000 ล้านดอลลาร์หรืออาจน้อยกว่านั้น
“ในพระราชบัญญัติ Cares Act [การร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจในเดือนมีนาคม] เราจำเป็นต้องใช้ข้อตกลงนี้ เนื่องจากมีวิกฤตบีบเข้ามาทั้งสองฝั่งเมื่อตลาดการเงินล่มสลายและเศรษฐกิจกำลังปิดตัวลง และตอนนี้แนวคิดของวิกฤตไม่ได้เกิดขึ้นในฝั่งของพรรครีพับลิกัน” นาย Ben Koltun นักวิเคราะห์การวิจัยอาวุโสของที่ปรึกษานโยบายบีคอนในวอชิงตันกล่าวในแถลงการณ์
ในขณะที่สภาคองเกรสของสหรัฐฯ กำลังปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งปกติแล้วมักจะทำให้เงินดอลลาร์ลอยตัวขึ้นเหนือระดับแนวรับสำคัญและนั่นจะเป็นอีกครั้งที่ทำให้มูลค่าของ Bitcoin ร่วงลดลง
3. ช่องว่างราคา CME BITCOIN FUTURES
ในขณะเดียวกันนักเทรด Bitcoin เชื่อว่าในที่สุดราคาจะกลับลงไปเติมเต็มช่องว่างราคาที่ขาดหายไป ซึ่งได้ปรากฏขึ้นในกราฟ CME BTC / USD Futures เมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
สิ่งที่เรียกว่า “ช่องว่างราคา” หรือ ‘GAP’ นั่นจะอยู่ที่ระดับ 9,665 ดอลลาร์ ซึ่งในอดีต Bitcoin มักจะลงมาเติมเต็มช่องว่างนี้เสมอหรือคิดเป็นจำนวน 9 ใน 10 เลยก็ว่าได้ ดังนั้นจึงทำให้เหรียญคริปโตเบอร์หนึ่งจึงมีโอกาสอย่างน้อย 90 เปอร์เซ็นต์ที่จะร่วงลงต่ำกว่าระดับ 10,000 ดอลลาร์
ที่มา : bitcoinist