เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาบริษัท Tesla ได้ประกาศข่าวใหญ่โดยการเข้าซื้อ Bitcoin เป็นเงินจำนวนมหาศาลและมีแผนที่จะรับการชำระเงินเป็น crypto ในอนาคต ตอนนี้จึงมีการคาดเดาว่า Apple จะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่รายต่อไปที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิตอล
Paul Steve นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ของ RBC Dominion Securities รายงานว่า การแนะนำให้บริษัทเทคโนโลยีนำ crypto มาใช้สามารถสร้างรายได้ต่อปีมากกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์และสร้างกระแสทั่วทั้งอุตสาหกรรม
เขาใช้การคาดการณ์นี้จากของรายได้ของ Bitcoin (BTC) ในอดีตที่ผ่านมา บริษัททางด้าน payment อย่าง Square ที่มีการรายงานรายรับมากกว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์จาก BTC ในไตรมาสที่ 3 ปี 2020 Square มีผู้ใช้งานต่อเดือนประมาณ 30 ล้านคน ซึ่งมีส่วนหนึ่งของฐานการติดตั้งของ Apple โดย CEO อย่าง Tim Cook รายงานว่าจะมีจำนวน 1.65 พันล้านเครื่อง ณ เดือนมกราคม
Steve ยังกล่าวว่า “หาก Apple ตัดสินใจเข้าสู่ธุรกิจซื้อขายคริปโต เราคิดว่าบริษัท สามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดและลดการ disrupt ของอุตสาหกรรมนี้ได้ทันที” การดำเนินการดังกล่าวยังสามารถช่วยให้สหรัฐฯเป็นผู้นำด้านคริปโตได้นานถึง 20 ปี “บริษัท สามารถปลดล็อกโอกาสมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ได้ด้วยการคลิกเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น”
ก่อนหน้านี้ Tesla Motors ได้ประกาศว่า บริษัทได้จัดสรรงบดุลบางส่วนให้กับ Bitcoin และจะเปิดตัวการชำระเงินสำหรับรถยนต์ด้วย crypto ในภายหลัง การได้รับการยอมรับจากผู้เล่นที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการเพิ่มขึ้นของราคา BTC ในเวลาต่อมาไปสู่จุดสูงสุดใหม่ตลอดกาล (All-time high) ทำให้ชุมชนคริปโตมองว่า บริษัท Apple จะเป็นรายต่อไป
ในเดือนพฤศจิกายน Dan Weiskopf ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Toroso Investments กล่าวว่า บริษัท Apple ที่ลงทุนระหว่าง $10-20 พันล้านใน Bitcoin อาจมีผลกำไรในระยะยาวมากกว่าบริษัทเทคโนโลยีที่มีการ “ซื้อหุ้นคืนอย่างจริงจัง” เขาเสริมว่าการลงทุน crypto ยังเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้ออีกด้วย
ด้วยมูลค่าทางตลาดมากกว่า 2.2 ล้านล้านเหรียญ บริษัท Apple กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกและมีเงินสดอยู่ในมือประมาณ 200 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นมูลค่าที่เพียงพอที่จะซื้อ 25% ของ Bitcoin ทั้งหมดที่หมุนเวียนอยู่เลยทีเดียว