Elon Much มหาเศรษฐีผู้บริหารระดับสูงของ Tesla ได้เพิ่มราคา bitcoin ด้วยตัวเองเป็นจำนวนหลายพันดอลลาห์ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีความคืบหน้าอื่น ๆ ที่ส่งผลให้ราคายังคงสูงขึ้น
ราคา bitcoin ซึ่งพุ่งขึ้นสู่ $50,000 ต่อบิตคอยน์ในสัปดาห์นี้ หลังจาที่บริษัท Tesla ได้ประกาศการเข้าซื้อ bitcoin กว่า 1.5 พันล้านดอลล่ห์ โดยราคาได้เพิ่มขึ้นกว่า 35% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
ข้อมูลในตอนนี้เผยว่า Musk ได้รับการเตือนที่ก่อนหน้านี้มีการทวิตเพื่อกระตุ้นราคา bitcoin และทำให้เกิดการ liquidation กว่า 1.2 พันล้านดอลลาห์จากก่อนเปิดสัญญา short ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
Arcane Research ได้เผยถึงข้อมูลที่ได้จาก Bybt ว่า ในสัปดาห์นี้สัญญา short มูลค่ากว่า 603 ล้านดอลลาห์ได้ถูก liquidated หลังจากการประกาศของ Tesla
ตามมาด้วยการ short-squeeze และล้างพอร์ตรวมกันกว่า 612 พันล้านดอลลาห์เดือนที่แล้ว จากการที่ Musk เปลี่ยน bio ในทวิตเตอร์ของเขาเป็น #bitcoin และโพสทวิตว่า “In retrospect, it was inevitable” ซึ่งส่งผลให้ราคา bitcoin พุ่งขึ้นมากกว่า 20% ทันทีหลังจากนั้น
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีเทรดเดอร์ที่ได้รับความเสียหายจากการปั่นราคาของ Musk แต่ยังคงมีคนที่สัญญา short และ long ไปพร้อมกัน ไม่ว่าราคาจะขึ้นหรือลงในระยะสั้นก็ตาม
Vetle Lunde นักวิเคราะห์ของ Arcane กล่าวผ่าน Twitter ว่า “ฉันไม่อยากเชื่อว่าเราจะได้เห็นการถือสถานะ short ของ Bitcoin น้อยลงนับจากนี้” “เทรดเดอร์หลายคนเป็นนักเก็งกำไรและหลายคนมองว่านี่เป็นจุดสูงสุดแล้ว โดยปกติแล้วเทรดเดอร์พร้อมที่จะรับความเสี่ยงในตลาดเห็นได้จากการ liquidation ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงทั้งสถานะ long และ short ตั้งแต่เดือนธันวาคม “
ราคา bitcoin ได้เพิ่มขึ้นจากการซื้อของ Tesla และการที่ธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง BNY Mellon ได้หันมายอมรับคริปโต ทำให้ราคาไต่ขึ้นสู่ $49,000 ตามราคา Bitstamp เมื่อคืนวันพฤหัสที่ผ่านมา
การพุ่งขึ้นของราคา bitcoin และคริปโตตัวอื่น ๆถูกเรียกว่าเป็น “ความคลั่งไคล้ในการเก็งกำไร” (speculative mania) จากการทวิตครั้งเดียวของบริษัทยักษ์ใหญ่ก็เพียงพอให้ราคาเพิ่มขึ้นทันที
Gavin Smith ผู้บริหารระดับสูงของ Panxora ได้กล่าวว่า “นักลงทุนควรระลึกว่า bitcoin ไม่ใช้การรวยทางลัด (get-rich-scheme)”
“แม้ว่าในความเป็นจริงมันเป็นเช่นนั้นก็ตาม ราคายังคงมีความอ่อนไหวต่อการแกว่งตัวของราคาที่ลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ชนะในระยะสั้นกำไรออกไป แม้ว่าราคาจะปรับตัวสูงขึ้น แต่นักลงทุนควรระมัดระวังและมองไปที่กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่มั่นคง “
ที่มา: Forbes