แชร์ลูกโซ่ (Ponzi Scheme) เป็นหนึ่งในมะเร็งร้ายที่อยู่คู่กับการลงทุนมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเราได้เห็นผู้ที่ตกเป็นเหยื่อมากมายสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก และด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ในการตกเป็นเหยื่อ เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแชร์ลูกโซ่เหล่านี้ก็ยังเกิดขึ้นอย่างไม่ขาดสายได้ไม่เว้นแต่ละวันและผู้เสียหายก็ยังถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างต่อเนื่อง
ยิ่งในช่วงนี้ที่เป็นปีทองของตลาดคริปโต การหลอกลวงหรือโปรเจกต์แชร์ลูกโซ่จึงเกิดขึ้นมากเป็นพิเศษ ล่าสุดมีผู้ใช้ Blockdit นิรนามรายหนึ่งภายใต้ชื่อแอคเคาท์ “เปิดโปงแชร์ลูกโซ่ MMS Fenius Platform, เหรียญ MMSC” ได้ออกมาเปิดโปงขบวนการแชร์ลูกโซ่ที่ชื่อว่า MMS Genius Platform ซึ่งมีสมาชิกมากกว่า 100,000 คน
โดยใจความสำคัญของการเปิดเผยครั้งนี้คือการนำเสนอข้อเท็จจริงอีกด้านที่นักลงทุนบางคนอาจจะยังไม่ทราบเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม MMS Genius Platform หรือ MMS Coin ซึ่งมีทั้งการนำผลงาน รูป ข้อความ ก็อปปี้จากต่างประเทศมาโฆษณาและเป็นการเตือนไปยังนักลงทุนชาวไทยที่อาจเข้าข่ายถูกหลอกลวงจากประชาสัมพันธ์เกินจริง เช่น MMS Coin เหรียญเพิ่มมูลค่า ราคาไม่มีตก เป็นต้น
รวมไปถึงการแอบอ้างชื่อกระดานเทรดชื่อดังในไทย Bitkub และ Satang Pro พร้อมใช้โลโก้ของบริษัทมาประกอบการโฆษณาประชาสัมพันธ์โดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและส่งผลกระทบต่อบริษัทดังกล่าว
อย่างไรก็ตามผู้ที่ได้ลงทุนในโปรเจกต์และมีความเชื่อมั่นใน MMS Genius Platform ได้ออกมาโต้แย้งถึงข้อมูลที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในขณะนี้ เช่น โปรเจกต์เปิดให้สมัครฟรีตามความสมัครใจ (แต่ผู้สมัครบางรายก็ต้องชำระเงิน), มี Roadmap อนาคตที่ชัดเจน, โปรเจกต์ถูกโจมตีเพราะความไม่พอใจของคนบางกลุ่ม และเหตุผลอื่น ๆ อีกมากมายที่พร้อมจะสนับสนุนโปรเจกต์ดังกล่าว
Bitkub และ Satang Pro ชี้แจงกรณีถูกแอบอ้างชื่อ ยืนยันไม่เกี่ยวข้องโปรเจกต์แชร์ลูกโซ่
ในเวลาต่อมาทาง Bitkub และ Satang Pro ได้ออกหนังสือชี้แจงความไม่เกี่ยวข้องของโปรเจกต์ดังกล่าวกับทางบริษัทและยังได้ย้ำเตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังการลงทุนในโปรเจกต์นี้อีกด้วย ตามที่ทาง Siam Blockchain ได้รายงานไปเมื่อเช้านี้
จากกรณีที่กล่าวไปข้างต้นในการแอบอ้างชื่อบริษัท Bitkub / Satang Pro โดยไม่ได้รับอนุญาตในการโฆษณาและการก็อปปี้อินเตอร์เฟซเว็บไซต์ต่างประเทศ ทำให้ตัวโปรเจกต์นั้นยิ่งดูไม่มีความน่าไว้วางใจสักเท่าไหร่ และเมื่อนำชื่อแพลตฟอร์มและบริษัทไปค้นหาบนอินเทอร์เน็ตก็จะพบว่า บริษัทถูกจดทะเบียนในธุรกิจขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโปรเจกต์แม้แต่น้อย
สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงรูปแบบการลงทุนที่มีความเสี่ยงและความน่าเชื่อถือของทีมผู้พัฒนา ทำให้นักลงทุนควรที่จะตรวจสอบและระมัดระวังการลงทุนของตนเองอย่างดี มิเช่นนั้นอาจกลายเป็นหนึ่งในผู้เสียหายได้