รายงานจาก CoinMarketCap บอกว่าบิทคอยราคาพุ่งสูงถึง 7.34 เปอร์เซน ณ เวลาที่รายข่าวอยู่นี้ และทำให้มูลค่าตลาดโลกพุ่งเป็น 13,934,740,671 ดอลลาร์หรือราวๆห้าแสนล้านบาท ณ ที่อัตราการซื้อขายราคา 867.83 ดอลลาร์ และมีโวลลุ่มการซื้อขายต่อวันอยู่ที่ 198.4 ล้านดอลลาร์
นี่หมายความว่าบิทคอยถูกนำเข้ามาเทรดในตลาดมากขึ้นโดยมีมูลค่าถึง 1 พันล้านดอลลาร์ต่อวัน และมูลค่าตลาดน่าจะพุ่งขึ้นสูงถึง 1 หมืื่นสี่พันล้านดอลลาร์ภายในวันนี้
ถ้าหากเหตุการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นเริ่มขึ้นระหว่างเมื่อวันที่ 21 ธันวาคมจนถึงวันนี้ ที่ทำให้มูลค่าตลาดพุ่งขึ้นจาก 12.86 หมื่นล้าน เป็น 13.85 พันล้านในขณะที่กำลังรายงานข่าวอยู่นี้ ในไม่ช้านี้ผู้คนทั่วไปจะเริ่มตื่นตัวและอาจจะแห่กันมาซื้อบิทคอยแบบเมื่อปี 2013 ก็เป็นได้
การเคลื่อนไหวที่มั่นคง
การเคลื่อนไหวที่ว่านี้ถ้าหากถามว่ามันจะมั่นคงไหม นาย Matej Michano เจ้าของบริษัทสตาร์ทอัพ DECENT ผู้ให้บริการทางด้านข่าวสารแบบใหม่กล่าวว่า
“การเคลื่อนไหวของราคาครั้งนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นอะไรที่ค่อนค่างมั่นคง และอาจจะเป็นการเปลี่ยนโฉมหน้าของตลาดบิทคอยและเหรียญ cryptocurrency อื่นไปเลยก็ได้ นี่ยังเป็นแค่จุดเริ่มต้นของบิทคอยที่กำลังจะก้าวไปสู่ตลาดสามัญชน หนทางยังอีกยาวไกลนัก”
ราคาคือตัวตัดสินการซื้อขายในตลาด ถ้าหากบิทคอยถูกซื้อมากกว่าขาย แน่นอนราคาก็จะพุ่งสูงขึ้น
การเพิ่มขึ้นของราคาบิทคอยอาจจะดึงดูดนักลงทันและนักเทรดทั่วโลก โดยเฉพาะผู้ที่ชอบเทรดในตลาดหลักทรัพย์ยุโรปอันเนื่องมาจากค่าเงินยุโรปที่กำลังอ่อนแอหันมาเทรดบิทคอยเป็นสินค้าหลักก็เป็นได้
นาย David Duccini เจ้าของ DBA Silicon Prairie Online ที่เพิ่งจะถูกให้อนุญาตโดยกรมธุรกิจแห่งรัฐมิเนโซตาเมื่อไม่นานมานี้ โดยบริษัทที่ว่านี้จะระดมเงินทุนเพื่อเปิดกิจการช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหาทางด้านการเงินเช่นหนี้สินที่ท่วมหัว โดยเขากล่าวว่า
“การเติบโตของบิทคอยในครั้งนี้จะต่างจากครั้งที่แล้ว คือจะไม่ได้โตแค่แปปเดียว แต่จะโตไปอีกแบบยาวๆ บิทคอยในตอนนี้เริ่มมีค่าสูงขึ้นเรื่อยๆเพราะว่ามันคือสินทรัพย์ที่ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้มาเปรียบเสมือนได้ ยังจำได้มั้ยตอนที่บริษัท De Beers ใช้การตลาดมาปั่นราคาเพชรทำให้ราคาสูงลิบลิ่วและผู้คนก็คิดว่าเพชรนั้นคือของล้ำค่าที่หายาก ซึ่งจริงๆแล้วมูลค่ามันก็สูงจริงน่ะแหละ แต่อาจไม่ได้สูงถึงขั้นที่พวกเขา De Beers ต้องการจะให้คุณรู้ถึงมูลค่าที่แท้จริงของมัน”
ภาพจาก Nasdaq
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น