ธนาคารกลางแห่งประเทศจีนหรือ PBoC ได้ประกาศเปิดตัวสถาบันวิจัยทางด้าน digital currency อย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็น 1 วันหลังจากปีใหม่จีนที่ผ่านมา
โดยในการสัมภาษณ์ของหนังสือพิมพ์ China Security Journal เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยมีนาย Li Wei หรือผู้อำนวยการฝั่งเทคโนโลยีของธนาคารกลางแห่งประเทศจีนเป็นผู้ให้สัมภาษณ์ ซึ่งเขาได้เผยว่าทาง PBoC มีแผนการที่จะศึกษาและค้นคว้าเทคโนโลยี บล็อกเชน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นาย Li ได้กล่าวถึงการที่ทางธนาคารกลางแห่งประเทศจีนได้ให้ความสนใจในความสามารถของเทคโนโลยีบล็อกเชนที่สามารถช่วยในการส่งเงินหากันแบบเรียลไทม์ที่ปลอดภัย, ราคาถูก และใช้งานง่าย
โดยการทดสอบเทคโนโลยีที่ว่านี้จะทำขึ้นโดยจำลองเหตุการณ์จริง นาย Li ยังได้ออกประกาศอีกว่าทาง PBoC กำลังเตรียมตัวก่อตั้งสถาบันการค้นคว้าและวิจัยที่จะมุ่งเน้นไปในด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนและ digital currency อื่นๆเพื่อให้แน่ใจว่าเทคโนโลยีดังกล่าวนี้จะนำมาถูกใช้ให้เกิดผลประโยชน์แบบสูงสุดในสถาบันการเงินในประเทศจีน เขากล่าวว่า
“สำหรับเทคโนโลยีบล็อกเชน ทางสถาบันการเงินควรที่จะผสมผสานการงานวิจัยของพวกเขาเข้ากับสิ่งที่พวกเขาค้นพบเพื่อจะได้โฟกัสไปที่ทดสอบการใช้จ่ายแบบเรียลไทม์, การนำเอาทรัพยากรต่างๆมาปรับใช้, การทดสอบระบบความปลอดภัยและความเสี่ยงที่จะมีขึ้นในเทคโนโลยีบล็อกเชน เพื่อให้สถาบันการเงินและเทคโนโลยีในจีนมีความก้าวหน้าขึ้นไปอีก”
มุ่งเน้นไปที่ความเสี่ยง
นาย Li ได้มองเห็นถึงความเสี่ยงมากมายในตัวของเทคโนโลยีบล็อกเชนถ้าหากมีการนำมาปรับใช้กับระบบการใช้จ่ายของธนาคารทั่วๆไป เนื่องจากเขาเชื่อว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนในปัจจุบันยังไม่ถูกพัฒนาจนถึงขีดสุด
นาย Peter Smith หรือ CEO ของบริษัทผู้ให้บริการกระเป๋าบิทคอยที่ใหญ่ที่สุดนามว่า Blockchain ได้กล่าวถึงเรื่องเดียวกันเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนในขณะนี้ยัง “อ่อน” เกินไป เข้าเชื่อว่าเทคโนโลยีที่ว่านี้จะมีศักยภาพที่จะสามารถเข้ามาแทนที่ระบบการเงินในปัจจุบันทั้งหมดได้ แต่ก็จะต้องรอให้มันถูกพัฒนาถึงขั้นที่สามารถไว้วางใจได้เสียก่อน
“วงการบล็อกเชนกำลังเคลื่อนที่เข้าไปสู่ความฝันที่งมงาย ซึ่งตัวอย่างก็มีให้เห็นแล้วว่ามีโปรเจ็คและการทดลองมากมายที่ล้มเหลว” กล่าวโดยนาย Peter “ในระหว่างนี้ จะมีหลายๆบริษัทที่ล้มเหลวและถอนตัวออกไป ในขณะที่ผู้ที่เอาตัวรอดได้ก็จะได้สนุกไปกับการทำเงินในตลาด, ได้เงินลงทุน และเดินหน้าไปสู่อนาคตที่สดใส”
สำหรับเทคโนโลยีบล็อกเชนถ้าหากจะก้าวข้ามผ่านจุดนี้เพื่อจะก้าวเข้าสู่กระแสผู้บริโภคหลักนั้น สิ่งสำคัญคือทางบริษัทหรือผู้เกี่ยวข้องจะต้องเร่งรีบทำการแก้ไขปัญหาทางด้านความเสี่ยงที่จะมีขึ้นเสียก่อน แบบที่นาย Li ได้กล่าวไว้ว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนนั้นจะต้องถูกพัฒนาให้ถึงขีดสุดจนมันเป็นมาตรฐานใหม่ที่สามารถแก้ไขปัญหาทางด้านกฏหมายและความปลอดภัยได้ ก่อนที่จะนำมาติดตั้งใช้งานจริง
ในจีนนั้นได้มีระบบบล็อกเชนเป็นของตัวเองอยู่แล้วซึ่งมีนามว่า ChinaLedger โดยดูเหมือนว่าทาง PBoC กำลังวางแผนที่จะร่วมมือกับ ChinaLedger และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆในสถาบันการเงินเพื่อทำการค้นคว้าและวิจัยการพัฒนาเทคโนโลยีที่ว่านี้ต่อไป
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น