<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ราคาเหรียญ Ethereum แตะ 400 ดอลลาร์ คำถามคือมันจะมาโค่นอันดับ 1 อย่างบิทคอยน์ได้หรือไม่

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มูลค่าตลาดรวมของเหรียญ ETH นั้นได้สูงจนคิดเป็น 50% ของบิทคอยน์ โดยเมื่อวานนี้ราคาของเหรียญ Ethereum นั้นได้แตะ 400 ดอลลาร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในขณะนี้มูลค่าตลาดรวมก็กำลังตีตื้นบิทคอยน์มาอย่างติดๆ

การเปลี่ยนกระแสกำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้แล้วใช่หรือไม่

ตลาดเหรียญคริปโตรวมถึงภาคอุตสาหกรรมบล็อกเชนต่างๆกำลังใจจดจ่อกับเหตุการณ์ที่เรียกว่า “flipenning” หรือความเป็นไปได้ที่ตลาดเหรียญ Ethereum นั้นจะสามารถเอาชนะตลาดบิทคอยน์ได้ในเรื่องของมูลค่า

แต่ก่อนที่จะกระโดดลงไปลงทุนในตัวของเหรียญ Ethereum นั้น เราควรที่จะคำนึงถึงตัวแปรที่ส่งผลให้ราคาขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ว่ามันมีความมั่นคงแค่ไหน เหรียญ Ethereum ประสบความสำเร็จในแง่ของภาคธุรกิจแล้วหรือยัง? ผู้ใช้งานทั่วไปใช้ Ethereum แบบจริงจังมากแค่ไหน? หรือเหรียญ Ethereum เป็นเพียงแค่อีกหนึ่งเหรียญที่ทำออกมาเพื่อให้คนลงทุนแล้วก็หายตายจากไป?

อย่างที่เห็นกันอยู่นั้น การขึ้นของราคาเหรียญ ETH ล่าสุดนั้นหลักๆเกิดมาจากการซื้อขายและปั่นราคากัน โดยนักเทรดและนักลงทุนส่วนใหญ่นั้นมาจากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งถือเป็นแหล่งตลาดซื้อขายเหรียญ Ethereum ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยนักเก็งกำไรส่วนมากนั้น ไม่ทราบถึงที่มา, ประโยชน์, โครงสร้าง และแนวคิดรากฐานของเหรียญ Ethereum แม้แต่น้อย นักลงทุนส่วนใหญ่หากจะว่าไปแล้วยังไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่าง Ethereum และบิทคอยน์ได้ด้วยซ้ำ

นาย Charlie Shrem หรือ COO ของ Jaxx ได้ออกมากล่าวว่า

“ราคาเหรียญ ETH ที่เพิ่มสูงขึ้นนั้นก็เพราะว่าผู้ใช้งานหน้าใหม่ส่วนใหญ่ต้องการที่จะ “รวยทางลัดกับ ICO” พวกเขาไม่สนใจราคาของ ETH หรอก และพวกเขาก็ไม่ได้ถือไว้สักเหรียญเลยด้วย ลองนึกดูสิ เหรียญ ETH ส่วนใหญ่ถูกเก็บล็อกไว้ใน ICO ในสัญญาของมัน และพวกเขาก็จะไม่มีวันขายมันเพราะว่าราคามันกำลังขึ้น อุปสงค์มากขึ้น แต่อุปทานกลับน้อยลง”

เหรียญ Ethereum นั้นถูกสร้างขึ้นมาโดยเปรียบเสมือนกับแก๊ส แนวคิดรากฐานของมันนั้นไม่ใช่เหรียญ cryptocurrency หรือเหรียญอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งไม่เหมือนกับ altcoin อื่นๆอย่างเช่น Ethereum Classic ที่มีการจำกัดจำนวนเหรียญ ซึ่ง Etheruem นั้นตั้งอยู่บนการกระจายอุปทานที่จะทำให้แน่ใจว่าทั่วทั้งเครือข่ายโปรเจคนั้นจะถูก “เติมแก๊ส” โดย Ether

กระนั้น นักลงทุนที่มาซื้อ ETH เพียงเพราะแค่พวกเขามองว่ามันใช้ส่งได้เร็วกว่าบิทคอยน์ แต่กลับไม่รู้ถึงประโยชน์ที่แท้จริงของมัน นักลงทุนส่วนใหญ่ซื้อ ETH เพราะมองว่ามันน่าซื้อ และสามารถนำไปเก็งกำไรได้ แต่มีนักลงทุนส่วนน้อยที่ซื้อแล้วนำไปลงทุนใน ICO เพื่อใช้เหรียญ ETH ในการ “เติมแก๊ส” ให้กับโปรเจคอื่นๆที่ถูกสร้างขึ้นมาบน Network ของ Ethereum

เกิดอะไรขึ้นในเกาหลีใต้?

ในการให้สัมภาษณ์ของนาย Vitalik Buterin นั้น เขากล่าวว่าเขาเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมประเทศเกาหลีใต้กลายเป็นตลาดแลกเปลี่ยนเหรียญ Ethereum ที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปได้ เขายังกล่าวเสริมด้วนว่าเขานั้นทราบดีถึงกลุ่มผู้เคลื่อรไหวทางด้านการพัฒนาระบบ Ethereum ในประเทศจีน

ในเกาหลีใต้นั้น กลับสวนทางกับประเทศจีน โดยสาเหตุที่ประเทศนี้เป็นแหล่งแลกเปลี่ยนเหรียญ Ethereum ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นเป็นเพราะว่าผู้คนกำลังแย่งกันเก็งกำไรกันอย่างรุนแรง

เมื่อปีที่แล้ว Ethereum นั้นได้ออกไอเดียการระดมทุนสุดแปลกแหวกแนวแบบใหม่สำหรับบริษัทสตาร์ทอัพและบริษัทที่เรียกว่า ICO โดยการเสนอออกเหรียญให้นักลงทุนที่สามารถนำมาขายทอดตลาดได้ตอนหลัง โดยเหรียญที่ว่านี้จะนำมาใช้งานกับเครือข่ายของ Ethereum ได้ ซึ่งบริษัทนั้นสามารถที่จะระดมทุนได้โดยไม่ต้องผ่านคนกลางหรือบุคคลที่สาม

อย่างไรก็ตาม WhalePanda หรือนักวิเคราะห์เหรียญคริปโตและบิทคอยน์มืออาชีพนั้นได้ออกมากล่าวถึงสาเหตุการพุ่งขึ้นของราคา Ethereum นั้น หลักๆแล้วมาจากความนิยมของ ICO ที่มีมากขึ้น

“ผมขอยอมรับว่าก่อนหน้านี้ผมไม่คิดว่า Ethereum นั้นมันจะมาแรงขนาดนี้ และผมก็คิดผิดที่คิดว่าคงจะไม่มีสตาร์ทอัพบริษัทไหนหรอกที่จะต้องการเงิน หรือบ้าขอตั้ง 50 ล้านดอลลาร์ และผมก็คิดผิดว่าผู้คนทั่วไปคงจะใช้คอมมอนเซนส์ในการตัดสินและนักพัฒนาหลายๆคนก็คงจะออกมาต่อต้านการลงทุนแบบนี้ แต่สุดท้ายแล้วดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นเรื่องตรงกันข้ามกับที่ผมคิด โดยการใช้งาน Ethereum ที่แท้จริงในขณะนี้คือ ICO และการสร้างเหรียญ token”

หากลองดูๆแล้ว ICO นั้นอาจไม่เป็นเพียงแค่ตัวแปรหลักๆตัวแปรเดียวที่ทำให้ราคาของเหรียญ ETH พุ่ง แต่ก็ยังมีการรวมตัวกันของ Enterprise Ethreum Alliance ด้วย

Ethereum นั้น มีการวางระบบและความซับซ้อนที่มากในระดับที่บิทคอยน์เองก็ไม่อาจเทียบเท่า แต่ในอีกแง่หนึ่งนั้น บิทคอยน์ได้เปรียบเรื่องมูลค่า รวมถึงการทำธุรกรรมที่ปลอดภัย และแนวคิดหลักๆมีมาเพื่อต่อต้านระบบธนาคาร

หากถึงแม้ว่ามูลค่าตลาดรวมของ Ethereum จะแซงหน้าของบิทคอยน์ไป นักลงทุนนั้นก็ไม่ควรที่จะมองว่าระบบบล็อกเชนของ Ethereum นั้นเหนือกว่าของบิทคอยน์ ในทางกลับกัน นักลงทุนบิทคอยน์ก็ไม่ควรที่จะหันไปข่ม Ethereum เพราะว่ามันมีมูลค่าตลาดที่น้อยกว่า เนื่องจากว่าบล็อกเชนสองตัวนี้ถือเป็นนวัตกรรมสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนวงการธุรกิจหลายๆธุรกิจให้ก้าวหน้าไปอย่างมากจนเราหันหลังมามองอีกทีก็มองไม่เห็นจุดเริ่มต้นเสียแล้ว