ในปี 2010 นาย Campbell จ่ายเงิน 25 ดอลลาห์ซื้อเหรียญดิจิตอลที่ยังไม่ไม่มีคนรู้จัก ซึ่งเขาคิดว่าเป็นการตัดสินใจที่โง่เขลา โดยเขาได้ซื้อมันมาเป็นจำนวน 1,400 BTC ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนในตอนนั้น
“บอกตามตรงตอนนั้นผมยังรู้รายละเอียดเกี่ยวกับมันน้อยมาก” Campbell กล่าว “ผมใช้ Paypal จ่ายเงินดอลลาร์จำนวนนึง เพื่อลองทำธุรกรรมด้วยเงินดิจิตอล ที่ดูจะคุ้มกว่าการใช้เงินปกติ”
ในปี 2010 การซื้อ Bitcoin ด้วยเงินสดนั้นแทบจะไม่เกิดขึ้น ผู้ถือ Bitcoin ส่วนใหญ่คือนักขุด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนที่มีความสนใจด้านเทคโนโลยีมักจะเข้าร่วมวงการเพราะด้วยความอยากรู้ นาย Campbell รู้สึกสนใจหลังจากอ่านบทความเกี่ยวกับ Bitcoin และซื้อมันมาโดยหวังว่าเขาอาจจะเข้าใจมันมากขึ้น
หนึ่งปีหลังจากนั้น Campbell ได้ย้ายบ้านและได้ตัดสินใจว่าจะ “ทำความสะอาด ของที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีต่างๆจากการที่เขาเป็นนักข่าวเทคโนโลยีเช่น แว่น 3D สาย USB อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และทุกอย่างที่เป็นขยะ”
Campbell คิดว่าความผิดพลาดนั้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย
เมื่อรู้ถึงความผิดพลาดนั้น Campbell กลับใจเย็นมากและกว่าวว่า “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ในตอนนั้น มันก็แค่รู้สึกว่า โอ้แย่จัง ซึ่งก็เกิดขึ้นกับทุกๆคนที่ลืมเรื่องง่ายๆ อย่างลืมตั๋วจอดรถ ลืมส่งการ์ดอวยพรวันเกิดให้เพื่อน อะไรแบบนั้น ไม่ได้มองว่ามันเป็นการสูญเสียผลประโยชน์ Bitcoin ก็เป็นแฟชั่นที่สนุกๆ”
แต่ในไม่กี่ปีที่ผ่านมา Bitcoin ก็ได้พิสูจน์ว่ามันไม่ใช่แค่ “ แฟชั่นสนุกๆ” สำหรับ Campbell เขาไม่ได้อารมณ์เสียอย่างรุนแรงเพราะมี Harddrive มูลค่ากว่า 3.5 ล้านดอลลาร์ ถูกฝังดินอยู่
“เวลาที่ผ่านมา Bitcoin ก็ปรับตัวขึ้นมาเรื่อยๆ ทุกๆครั้งรวมถึงตอนนี้เวลาที่ผมเช็คราคา ซึ่งมันเป็นที่นิยมมากเมื่อปี 2011 หลังจากคำนวนนิดหน่อยผมก็รู้สึกปากแห้งทีเดียว แม้จะไม่ทุกครั้งแต่ก็มีบางทีที่ทำเอาผมมึนไปเลย”
Campbell คิดว่ามันเป็นความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น บางทีเค้าก็คิดว่าเค้าอาจจะขายมันทิ้งทันทีที่มันมีมูลค่าประมาณ 2.5 ดอลลาร์ ซึ่งทำให้เขารู้สึกดีขึ้น
“ผมไม่ได้ทำแม้กระทั่งตามหามัน ผมมีความสุขกับชีวิตในตอนนี้ ผมไม่ได้ต้องการมัน แน่นอนผมชอบมันแต่ไม่ได้ต้องการ มันไม่ใช่ว่าผมพยายามจะหลอกตัวเอง สิ่งที่มีค่าจริงๆคือเพื่อนของผมที่ผ่านอะไรด้วยกันมา ผมซื้อ Bitcoin ด้วยเงิน 25 ดอลลา เมื่อผมรู้ว่าผมทำมันหายไปและมันมีมูลค่าประมาณ 4000 ดอลลาห์ ถ้าผมจะเอามันมาทำให้ผมเป็นทุกข์ ซึ่งมันยังไม่ได้มีมูลค่าถึงล้านดอลลาห์ในตอนนั้น มันเป็นเรื่องตลกทุกครั้งที่ผมพูดถึงเรื่องนี้ ซึ่งบางครั้งมันก็เป็นเรื่องตลก บางครั้งมันก็เป็นเรื่องที่น่าอารมณ์เสีย”
คุณเคยทำเงินดิจิตอลหายไหมลองเล่าใหเราฟังหน่อย