สวัสดีครับชาวสยามบล็อกเชน ทางเราจะนำบทสัมภาษณ์นะหว่างทีมงานกับคุณปรมินทร์มาตีแผ่ให้ได้อ่านกัน ซึ่งคุณปรมินทร์เป็นคนไทยที่เป็นผู้ที่สร้างเหรียญ Zcoin ซึ่งเป็นเหรียญที่ใช้แนวคิด Zero-knowledge Proof ที่ปัจจุบันเหรียญดังกล่าวมีมูลค่าตลาดรวมถึง 9,861 BTC หรือราวๆ 24,741,437 ดอลลาร์ ซึ่งทางคุณปรมินทร์นั้นเป็นคนที่มีประสบการณ์ความรู้ความสามารถมากคนหนึ่งในวงการเงินดิจิตอล โดยเราจะมาเจาะลึกถึงประสบการณ์, ข้อมูลของ Zcoin และความเห็นของคุณปรมินทร์ที่มีต่อวงการเงินดิจิตอล
ทีมงาน Siam Blockchain:
สวัสดีครับเรามาจากทีมงาน Siam Blockchain ครับวันนี้จะมาขอสัมภาษณ์คุณปรมินทร์ในด้านประสบการณ์ Zcoin แล้วก็ความเห็นที่มีต่อวงการเงินดิจิตอลหน่อยนะครับ ก่อนอื่นอยากให้ช่วยรบกวน แนะนำตัวเองคร่าวๆหน่อยครับ
คุณปรมินทร์:
ครับก็ชื่อจริงชื่อ ปรมินทร์ อินโสม ชื่อเล่นก็ชื่อ หนึ่ง ปัจจุบันเป็นเจ้าของบริษัทชื่อบริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( Satang Coperation) ที่เน้นเกี่ยวกับการซื้อขายเงินดิจิตอลและช่วยจัดทำโชลูชั่นด้วยเทคโนโลยีบล็อกเซน (Blockchain Technology) ทั้งหมด ผมจบปริญญาตรีจากวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ไปจบโทที่มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ (Johns Hopkins) ด้านความปลอดภัยของระบบสารสนเทศ (Information Security) ประเทศสหรัฐอเมริกา เคยทำงานเป็นวิศวกรรมซอร์ฟแวร์ที่ไมโครซอร์ฟ (Microsoft) ประเทศไทย และ นายทหารสัญญาบัตรที่กองทัพไทย ด้วยครับ
ทีมงาน Siam Blockchain:
ถ้าอย่างนั้นเราอยากทราบว่าคุณปรมินทร์เนี่ยมีความเกี่ยวข้องยังไงกับ Zcoin เป็นผู้สร้างผู้ริเริ่มใช่มั้ยครับ
คุณปรมินทร์:
ต้องบอกว่าตัว Zcoin ผมเป็นผู้ก่อตั้งแล้วก็เป็นหัวหน้าทีมพัฒนาด้วยครับ
ทีมงาน Siam Blockchain:
ถ้าอย่างนั้นตอนเริ่มต้นนี่คุณปรมินทร์เข้าสู่วงการเงินดิจิตอลได้ยังไงครับมันมีความเป็นมายังไง
คุณปรมินทร์:
ตอนที่ผมไปเรียนปริญญาโทนะครับ คือช่วงนั้น Bitcoin มันขึ้นไปถึง 1,300 ดอลลาร์ในตอนนั้น แล้วมันก็เลยดึงดูดความสนใจของผม ว่าทำไมมันถึงเพิ่มขึ้นไปเยอะขนาดนั้น ประจวบเหมาะกับอาจารย์ที่ Hopkins เค้าก็ ได้คิดค้นเทคโนโลยีที่ทำให้การทำธุรกรรมบน Bitcoin ไม่สามารถตรวจสอบได้ โดยใช้ชื่อว่า Zerocoin ทำให้ผมสนใจที่จะนำเทคโนโลยีตัวนี้มาใช้ในเงินดิจิตอล ( Cryptocurrency) ของผมใน ในขณะนั้นผมได้คิดค้นเงินดิจิตอลที่ชื่อว่า Vertcoin ขึ้นมา
Vertcoin เป็นเงินดิจิตอลสกุลแรกที่เป็นของคนไทยก็ว่าได้ เพราะตอนนั้นในไทยแทบจะไม่มีคนรู้จัก Bitcoin หรือแทบจะไม่มีใครที่ทำอะไรเกี่ยวกับมันด้วยซ้ำ มันอาจจะไม่ได้มีชื่อเสียงในหมู่ของคนไทยเพราะตอนนั้นผมยังเรียนอยู่ที่อเมริกาด้วย ซึ่งตอนนั้นน่าจะเป็นช่วงปลายปี 2013 ซึ่งหลังจากผมทำ Vertcoin ออกมาได้ประมาณ 3-4 เดือน Vertcoin ก็ขึ้นไปติดอันดับ 4 ของโลกเลย จากที่ได้บอกไปตอนต้นที่อยากจะ นำ Zerocoin ไปใช้ใน Vertcoin แต่ปรากฏว่าเหล่าผู้สนับสนุน (Community) ของ Vertcoin นั้นไม่เห็นด้วย โดยเค้ามองว่ามันเสี่ยงเกินไป ถึงแม้ผมจะเป็นหัวหน้าทีมพัฒนาและผู้ก่อตั้ง Vertcoin ก็ตาม แต่พอเหล่าผู้สนับสนุนม่ยอม ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน
ทีมงาน Siam Blockchain:
แล้วสุดท้ายมันไปลงที่ Zcoin ได้ยังไงครับ
คุณปรมินทร์:
เมื่อ Vertcoin ไม่ยอมให้ผมนำ Implement เทคโนโลยี Zerocoin ลงใน มาใช้ใน Vertcoin ผมเลยออกมาสร้างเหรียญใหม่แล้วใช้ชื่อว่า Zcoin ขึ้นมาแทน
[rsnippet id=”1″]
ทีมงาน Siam Blockchain:
ทีนี่เราอยากทราบว่า Zcoin นี่มีใครเป็น Partner มีนักลงทุนคนไหนมาช่วยมั้ย หรือทีมพัฒนารู้จักกันได้ยังไง
คุณปรมินทร์:
มีครับ จริง ๆ แล้วผมทำ Zcoin เนี่ยเป็น วิทยานิพนธ์ในการจบปริญญาโทแต่ตอนนั้นก็ไม่ได้เปิดเผย source code ทั้งหมด ซึ่งหลังจากนั้นผมก็ย้ายจากบัลติมอร์ (Baltimore) ไปที่ ซิลิคอนวัลเลย์ (Silicon Valley) เพื่อไประดมทุน (Raise Fund) โดยได้ Roger Ver มาเป็นผู้สนับสนุน ซึ่ง Roger Ver ได้รับฉายาว่า Bitcoin Jeus และเป็นที่รู้จักของคนในวงการบิทคอยน์ทั่วโลกอยู่แล้ว โดยเขาเองเป็นผู้ร่วมผลักดันในการเพิ่มขนาดของบล็อกในบิทคอยน์เน็ตเวิคน์ด้วย ที่คนรู้จักกันในตอนนั้น และก็มีนักลงทุนอีกคนนึงที่ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากในการทำ Start Up ที่ ซิลิคอนวัลเลย์ โดยตอนนี้ บริษัทที่เขาทำก็ขายให้บริษัทใหญ่ ๆ ไปแล้ว มาสนับสนุนแต่เค้าขอปกปิดตัวตนไว้
ทีมงาน Siam Blockchain:
จำนวนเงินที่ Raise มาได้นี้พอจะบอกได้มั้ยครับ
คุณปรมินทร์:
ก็เป็นหลักหลายล้านบาทครับ
ทีมงาน Siam Blockchain:
ถ้างั้นขอไปที่คำถามถัดไป จะขอเข้าเรื่อง Zcoin หน่อยซึ่งในส่วนตัวผมก็รู้เเค่ว่า Zcoin เป็นเหรียญที่ใช้ Zero-knowledge proof เหมือนพวก Zcash อยากให้เล่าซักนิดว่าคนที่ไม่ได้รู้จักหรือรู้จักแค่ Bitcoin หรือ Litecoin เนี่ย Zcoin มันมีข้อเด่นอะไรมีจุดมุ่งหมายอะไร แบบคร่าวๆหนะครับ
คุณปรมินทร์:
คือในปัจจุบันพวก Bitcoin หรือ Litecoin เวลาที่ผมทำการส่งเงินไปที่ปลายทาง ปลายทางเค้าจะสามารถตรวจสอบได้เลยว่าผมได้ Bitcoin หรือ Litecoin มาจากไหนและเคยโอนให้ใครบ้าง เหมือนผมเอาสมุดบัญชีไปให้ฝั่งตรงข้ามทำให้เค้ารู้ว่าผมมีรายรับรายจ่ายเท่าไหร่
ทีมงาน Siam Blockchain:
แล้วถ้ามองในแง่ความปลอดภัย Monero ก็มีความปลอดภัยค่อนข้างมากในจุดนี้มีความแตกต่างอะไรมั้ย
คุณปรมินทร์:
แตกต่างตรงที่ Monero เนี่ยเค้ามี Set ที่ใช้ mix ธุรกรรมของเค้าเต็มที่คือประมาณ 5 คน หมายความว่าในการขนส่ง Monero ไปให้ปลายทางมันจะไป Mix กับ Transaction ของอีกหลายๆคนซึ่ง size ที่ mix เนี่ยสูงสุดคือ 5 ต่ำสุดคือ 2 แต่ Zcoin ที่ใช้เทคโนโลยี Zerocoin มันมี set ที่ใช้ตั้งแต่ 10 ไปถึง 1000 ซึ่งถ้าเทียบกับ Monero เรามีความน่าจะเป็นที่ในการโดนตรวจสอบ (Track) กลับมาน้อยกว่า
[rsnippet id=”1″]
ทีมงาน Siam Blockchain:
ถ้างั้นขอถามหน่อยครับว่าเหรียญที่เป็น Zero knowledge อย่าง Zcash, Zclassic, Zencash ซึ่งตรงนี้ Zcoin มีความแตกต่างยังไงบ้าง
คุณปรมินทร์:
ถ้าจะพูดถึงเรื่องนี้ผมขอเล่าย้อนกลับไปในสมัยที่ผมอยู่ Hopkins นะครับว่าคนที่คิดค้นเทคโนโลยีเบื้องหลัง Zcash กับเทคโนโลยีเบื้องหลัง Zcoin คือคน ๆ เดียวกัน นั้นก็คืออาจารย์ที่ปรึกษาผม ซึ่งเค้าชื่อว่า Matthew D. Green เค้าได้คิดค้น Zerocoin protocol ขึ้นมาก่อน แต่พบว่ามีปัญหาในเรื่องของ Size ที่ค่อนข้างที่จะใหญ่ แล้วก็ Verify time ค่อนข้างที่จะนานเค้าก็เลยคิดค้นตัว Zerocash protocol ขึ้นมาซึ่งมีความเร็วในการตรวจสอบที่ค่อนข้างเร็ว แต่ว่ามันก็ยังช้าอยู่ในส่วนของการสร้างทรานแชคชั่น แต่สิ่งที่เหนือกว่าของ Zerocash protocol คือผมสามารถที่จะส่งเงินให้ปลายทางโดยที่เหมือนกับว่าผมไม่ได้บอกจำนวนเงินลงไปใน Blockchain แต่ว่าปลายทางจะได้รับเงินจำนวนนั้น
ในขณะที่ Zerocoin นั้น ผมส่งเงินให้ปลายทางโดยที่ใน Blockchian จะไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าผมส่งให้ใครแต่ว่าจะมีจำนวนเงินอยู่ใน Blockchain ถ้าถามว่ามันมีข้อดีข้อเสียต่างกันยังไงระหว่าง Zerocoin protocol กับ Zerocash protocol คือ Zerocash เป็น fully anonymous ไม่สามารถที่จะตรวจสอบได้ แม้กระทั่งจำนวนเงินและปลายทาง แต่ Zerocoin ตรวจสอบปลายทางไม่ได้แต่สามารถตรวจสอบจำนวนเงินได้ ซึ่งมันก็เป็นทั้งข้อดีข้อเสีย
เพราะว่าถ้าเหรียญไหนที่ใช้ Zerocoin protocol เช่น Zcoin มันสามารถที่จะ track supply ได้เช่น ณ ตอนนี้ ผมบอกว่าที่ Block 10,000 ต้องมีเหรียญในระบบ ไม่เกิน 500,000 สมมตินะครับ นั้นหมายความว่าตัว Zcoin เนี่ย สามารถที่จะ Track ว่ามีเหรียญเกิน 500,000 หรือเปล่าซึ่งในกรณีที่ Zerocoin มีบัคเนี่ยมันสามารถที่จะทำให้คนสร้าง Zerocoin แบบ out of thin air หรือเสกขึ้นมาตรวจสอบได้ ซึ่งถ้า Track ไม่ได้มันจะเป็นปัญหา ซึ่งเคยเกิดกับ Bitcoin มาก่อนประมาณปี 2011 ที่มีบัคแล้วตรวจสอบได้เพราะเค้าสามารถที่จะ Track ตัว supply ได้เหมือนกับว่าตอนนั้นมีคนเสก Bitcoin ขึ้นมาเป็น 1000 ล้านเหรียญซึ่งในความเป็นจริงมันต้องไม่เกิน 21 ล้านเหรียญ แต่ Zerocash มันจะ track ไม่ได้เลยเพราะไม่รู้ว่ามีจำนวนเงินอยู่ที่เท่าไหร่ แต่ Zerocoin track ได้ นั้นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไม Zcoin ถึงใช้ Zerocoin protocol ในขณะที่ Zcash ใช้ Zerocash protocol แต่พวก Zclassic Zencash เนี่ยเป็น Clone ของ Zcash อีกที ซึ่งมันจะแบ่งเป็นสองสายคือเหรียญที่ใช้ Zerocoin protocal และ Zerocash protocal ซึ่งเกิดจากคนคิดค้นเดียวกันที่ชื่อว่า Matthew D. Green
ทีมงาน Siam Blockchain:
ได้ความรู้เยอะมากเลยครับขอบคุณมาก จะขอไปที่คำถามถัดไปนะครับคือเมื่อเร็วๆนี้มีข่าวว่า Zcoin จะนำเอาอัลกอริทึ่มที่ชื่อว่า Markle Tree proof ซึ่งตอนนี้ผมเข้าใจว่าเอามาใช้ในกรณี 51% Attack อยากให้ช่วยอธิบายคร่าวๆว่าตรงนี้คืออะไรมีผลอะไร
คุณปรมินทร์:
ต้องย้อนกลับไปในสมัยที่ผมทำ Vertcoin ตอนนั้นทาง Litecoin นั้นได้มีโรงงานที่สามารถการผลิต chip ASIC โดยเป็นซิฟท์ที่ไว้ใช้ ขุด Litecoin โดยเฉพาะและอย่างที่ทราบกันว่ามันมีความเร็วมากกว่า CPU หรือ GPU หลายเท่า คนที่ทำ chip ASIC ได้ส่วนมากคือบริษัทที่อยู่ที่ จีน ที่สามารถผลิต chip ในการขุดทั้ง Bitcoin และ Litecoin ได้แล้วมันมีปัญหาอยู่ที่ว่าถ้ามีบริษัทไม่กี่บริษัทที่สามารถผลิต chip พวกนี้ได้มันทำให้จากระบบที่ควรจะเป็น Decentralized กลายเป็น Centralized เพราะคนที่เข้าถึง Chip พวกนี้คือคนที่มีเงินจำนวนมาก และบริษัทพวกนี้ก็มี Chip ที่นำมาขุดเองก่อนอยู่แล้ว มันทำให้ Concept ของเงินดิจิตอลที่เน้นให้เป็นแบบ Decentralized ที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้มันหายไป กลายเป็นว่ามีเพียงไม่กี่บริษัทที่ขุดได้ ผมก็เลยแก้ปัญหานี้ใน Vertcoin โดยเปลี่ยนตัว Proof of work ที่อยู่ใน Vertcoin เป็นอีกแบบนึงแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่ผมพบคือ
[rsnippet id=”1″]
ถ้าผมทำให้ตัว Proof of work มันแก้โจทย์ปัญหาได้ยากเพื่อกันตัว Chip ASIC ออกไปแต่ว่ามันกลับทำให้เนตเวิร์คมีโอกาสที่จะโดน DDoS attack เพราะเมื่อเราใช้อัลกอริทึ่มที่ลำบากต่อการตรวจสอบขึ้นหมายความว่า คนที่ตรวจสอบค่าตรงนั้นก็ต้องใช้เวลาและพลังงานในการประมวลผล รวมถึง Memory ที่มากขึ้นนั้น หมายความว่าถ้าคนส่งค่าการ Mine ที่ผิดให้กับคนที่เป็น Verifier อาจจะทำให้ CPU ขึ้นไปสูงแบบ 100% ได้เลยทำให้ Network ไม่สามารถที่จะทำงานได้ เป็นปัญหาที่เจอตั้งแต่สมัยทำ Vertcoin
แล้วพอผมมาทำ Zcoin ก็ต้องบอกว่าผมก็พยายามทำให้คอนเซปต์ของมันเป็น Decentralized มากที่สุดไม่ให้อยู่ในกำมือของใครคนใดคนนึงมากจนเกินไป ซึ่งเกิดขึ้นให้เห็นในเงินดิจิตอลในปัจจุบัน ผลก็เลยหาว่ามันจะมีอัลกอริทึ่มตัวไหนบ้างที่มันจะทำให้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นใน Bitcoin หรือ Litecoin ได้ซึ่งก็คือตัว Markle Tree proof ซึ่งเป็นวิธีการนึงที่เหมือนกับว่า เวลาคนที่แก้ปัญหาเนี่ยเค้าจะใช้แรมจำนวนมากเลยซึ่ง ซึ่งจะทำให้ Chip asic ไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเมื่อเปรียบเทียบกับ CPU และ GPU เนื่องจาก Memory Bandwidth ที่อยู่ในตัวแรมจะจำกัดมันต่อให้คุณมีกำลังประมวลผลเร็วแค่ไหนมันจะไปตันที่แรม ซึ่งความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลของแรมในโลกเราปัจจุบันมันยังถูกจำกัดอยู่
ซึ่ง MTP มันจะมาช่วยตรงนี้คือมันจะ Allocate memory เยอะๆ เพื่อให้เห็นภาพน่ะครับ Litecoin ใช้เมมโมรี่ 128 Kb ในขณะที่ MTP ที่จะใช้ใน Zcoin จะใช้เมมโมรี่อยู่ที่ 2 Gb แล้วให้คุณแก้โจทย์มาก่อนแต่พอ ตอนที่คนอีกคนมาตรวจสอบ จะตรวจสอบผลลัพธ์แค่บางส่วนและจะรู้ได้ทันทีว่าถูกหรือไม่ถูกเหมือนว่าคนตรวจสอบเนี่ย แทบจะไม่ใช้ Memmory เลยและใช้ CPU น้อยมากทำให้การที่จะเกิด DDoS attack ในเนตเวิร์คแทบจะไม่มีเลยโดยคนคิด MTP ก็เป็นคนเดียวกับที่คิดค้น Equihash ใน Zcash แต่ปัญหาคือ Equihash ยังมีช่องโหว่อยู่เค้าก็เลยคิด MTP ขึ้นมา
ซึ่งการที่เรานำ MTP มาใช้ใน Zcoin เท่ากับว่าเราได้ใช้ Proof of work ที่ดีกว่า Equihash ซึ่งตัว Zcoin เนี่ยเรา implement MTP โดยอิงจากเปเปอร์ โดยไม่มีโค้ดมาก่อนหน้านี้ นั้นหมายความว่าเราต้องอ่านเปเปอร์แล้วก็เขียนโค้ดเอง โดยต้องขอขอบคุณอาจารย์เหมียว (รองศาสตราจารย์ ดร. ชนาทิพย์ นามเปรมปรีดิ์ – อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) ที่ถือว่าเป็นคนที่เชี่ยวชาญทางด้านการเข้ารหัสข้อมูล (Cryptography) ที่สุดของเมืองไทย ที่กรุณาช่วยให้คำปรึกษาในการ implement ด้วยครับ
ทีมงาน Siam Blockchain:
ขอบคุณมากเลยครับสำหรับข้อมูล งั้นจะขอไปที่คำถามถัดไปละกันนะครับ ในมุมมองของคนที่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเงินดิจิตอลส่วนใหญ่เค้าจะสงสัยว่าเงินดิจิตอลมันมีมูลค่าขึ้นมาได้ยังไง เช่นถ้าเป็น Bitcoin ที่ได้รับการยอมรับเราจะเห็นได้อย่างชัดเจนในเรื่อง Blockchain และการอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบ การที่มีประเทศโน้นนี้รองรับ Bitcoin อยากรู้ว่า Zcoin ที่เริ่มมาจาก 0 จนกระทั้งปัจจุบันมีมูลค่าการตลาดติด top 100 ของเงินดิจิตอลเนี่ย ซึ่งตอนนี้มีมูลค่าประมาณ 9 ดอลลาร์ต่อเหรียญ คิดว่ามันมีมูลค่าได้ยังไง เพราะผมเคยได้ยินว่าอย่าง Zcash หรือ Monero หรือแม้แต่ Bitcoin มันมีมูลค่าการตลาดโตขึ้นมาได้เพราะเรื่องผิดกฎหมาย
คุณปรมินทร์:
ต้องบอกว่าหลักๆจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีที่ใช้ครับเพราะการที่ Zcoin มีมูลค่าเป็นพันล้านได้เพราะมันเป็นเหรียญแรกและเหรียญเดียวของโลกที่ใช้เทคโนโลยีที่ Zerocoin ที่ Implement แล้ว sucess ซึ่งจริงเราก็มีเหรียญที่ Clone เราไปแต่ก็ไม่ได้ success ขนาดนั้น แล้ว MTP ยังเป็นอัลกอริทึม proof of work แบบใหม่ซึ่งมีที่เรา Implement เองด้วยมันก็เลยเหมือนกับว่าทั้ง Zerocoin และ MTP เป็นเหมือนโบว์ชัวร์ของเราแล้วคนที่มา Buy หรือมาซื้อ Zcoin เนี่ยเพราะเหมือนกับว่า ส่วนมากเค้ามาซื้อเพราะเทคโนโลยีที่เรามี เพราะมันเป็นอะไรที่ไม่เคยถูก Implement มาก่อน นอกจากนั้นเรายังมี Back ที่เป็น Roger Ver อีกนั้นหมายความว่า ซึ่งถ้าพูดถึงในวงการ Bitcoin ทุกคนก็จะรู้จัก Roger Ver และเป็นหัวหอกในการทำ Bitcoin unlimited ด้วยและยังมีทั้งตลาดจีนที่สนับสนุนด้วย ซึ่งภายหลังเรามีนักลงทุนจีน (Tim Lee) มาด้วยทำให้ตลาดจีนกลายเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเรา
ทีมงาน Siam Blockchain:
เท่าที่ผมฟังสรุปแล้วคือการคือการที่ Zcoin มีมูลค่าขึ้นมาเนี่ยคือเพราะคนให้คุณค่าแก่เทคโนโลยี แต่ถ้าพูดถึงในแง่ที่ว่าการเอาไปใช้อุปโภคบริโภคหรือซื้อสินค้าก็ยังไม่มีในจุดนั้นถูกมั้ยครับ
คุณปรมินทร์:
ต้องบอกว่ายังไม่ไปถึง state นั้นมากกว่าเพราะ ณ ตอนนี้เรามองว่าเราต้องพัฒนาเทคโนโลยีให้พร้อมก่อน ซึ่งแตกต่างจาก Bitcoin หรือ Monero ซึ่งต้องขอบอกก่อนว่าจริงๆแล้ว Monero ไป Fork code มาจาก Bytecoin ซึ่งแทบไม่ต้องทำอะไรเลยก็คือเอามาแล้วก็ใช้งานได้เลย ซึงถ้าเทียบ Zerocoin กับ Zcash เนี่ยลองคิดว่า Zcash เอาไปทำอะไรได้บ้างในปัจจุบัน คนที่เอาไปใช้ก็คือคนที่ขุดเป็นส่วนมากหรือไม่ก็คือเค้าซื้อเพราะเทคโนโลยีของ Zcash แต่หากไปถึงจุดๆ นึงที่ใหญ่มากพอแล้วเนี่ยมันจะย้ายไปยังจุดที่เรียกว่า Mass Adoption ซึ่งจะเอาไปใช้ซื้อของต่างๆ
ทีมงาน Siam Blockchain:
เข้าใจภาพขึ้นมากเลยครับงั้นขอไปที่คำถามถัดไปเลยละกันนะครับ ตอนนี้ Zcoin มี Roadmap ยังไงบ้างอย่างที่ทางคุณปรมินทร์บอกว่า Mass adoption เนี่ยอยากให้มันทำได้เมื่อไหร่หรืออยากให้มันมีมูลค่าการตลาดเท่าไหร่ อยากจะขึ้นไปอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ของตลาดคริปโตครับ หรือมุ่งเป้าในประเทศไหนหรือเปล่า
คุณปรมินทร์:
จริงๆเรามี Roadmap ในสามปีข้างหน้าเรียบร้อยแล้วครับว่าจะทำอะไรบ้าง ซึ่งถ้าเข้าไปดูในเว็ปไซต์ของ Zcoin จะมี Roadmap บอกเรียบร้อยเลยครับว่าแต่ละปีจะทำอะไรบ้าง ซึ่งถ้าเล่าคร่าวๆก็คือเราจะทำ Znode ที่เป็นเหมือนกับว่าเราจะเอา proof ของ Zerocoin และ MTP ไปเก็บไว้ใน Znode แทนเพราะปัจจุบันเราเอา proof เก็บไว้ใน Blockchain ซึ่งมันค่อนข้างที่จะใหญ่ ซึ่ง Znode คอนเซปต์ของมันก็คือมันจะเป็น node ใน Blockchain network ที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพแล้วคนที่จะทำ node ได้ต้องมีจำนวน Zcoin ในระดับที่กำหนดขั้นต่ำไว้เพื่อเป็นเหมือน Collateral หรือหลักประกันถึงจะสามารถทำได้ และเรามีแผนว่าเรากำลังจะพอร์ท Zerocoin protocol ไปรันบน Ethereum ด้วย
[rsnippet id=”1″]
นอกจากนั้นคือการ integrate TOR กับ I2P แล้วก็ยังมีเรื่อง Stealth address แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดน่าจะเป็นในเรื่องของ Sigma protocol ที่เหมือนกับว่าเราจะเปลี่ยน Zerocoin Protocol ไปเป็น Sigma protocol เนื่องด้วยตัว Zerocoin protocol มันจะมี Trust setup phrase อยู่ซึ่งเป็นช่องโหว่ทั้ง Zerocoin แล้วก็ Zerocash นั้นหมายความว่า Zcash ก็มีช่องโหว่ในตรงนี้เองเหมือนกัน แล้วสิ่งที่เราจะทำก็คือเราจะลบ Trust setup phrase ทิ้งไปเลยแล้ว Sigma protocol จะไม่มีในส่วนนี้แล้วมันจะทำให้เราไม่มีช่องโหว่ให้คู่เเข่งอย่าง Monero หรือเหรียญอื่นๆมาโจมตีเราได้แล้ว จริงๆก็คือในส่วนของ Trust setup phrase เราใช้ในส่วนของ RSA-2048 factoring challenge ซึ่งเราเองไม่รู้ Private key ด้วยซ้ำ แล้วเราก็ท้าด้วยครับว่าถ้าใครสามารถหา Private key ของตัว RSA-2048 factoring challenge เราจะให้เงินเลย 7 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่มีใครมา proof ว่าทำได้ แต่เราก็มองว่ามันเป็นช่องโหว่ของเราอยู่เราก็เลยอยากจะเปลี่ยนมาเป็นตัว Sigma protocol ซึ่งถ้าเราทำสำเร็จเราจะเป็นเหรียญแรกที่สามารถ Implement Sigma protocol ได้ แล้วก็ไม่มีใครที่คิดจะทำมาก่อนด้วยซ้ำก็คือ Zcoin เป็นเหรียญแรกของโลก
นอกจากนั้นแล้วเรายังมองว่าเว็ปไซต์พวก Alphabay หรือ Darkmarket ทั้งหลายที่เหมือนกับว่ายังไม่ใช่ Decentralized market คือยังมีเซิฟเวอร์ที่เหมือนกับว่าคนๆหนึ่งคุมนั้นหมายความว่าถ้าพวก NSA ของอเมริกา หรือ GCHQ ของอังกฤษ ที่ต้องการล้มเครือข่ายหรือล้มเว็ปไซต์ตรงนี้สามารถทำได้ง่ายๆโดยสิ่งที่เราต้องทำก็คือ Zcoin ต้องการจะทำ Decentralized market place ซึ่งก็คือทุกคนสามารถที่จะเอาของมาขายได้บนเครือข่ายของ Zcoin โดยที่ไม่มีเซฟเวอร์ไหนเซฟเวอร์นึงเป็นคนเก็บข้อมูล ซึ่งจะทำให้ NSA หรือ GCHQ ต้องการที่จะ Take down Market ตรงนี้ก็ไม่สามารถทำได้เพราะมัน Replicate data ไปทั่วโลกเลย แล้วส่วนในปีสุดท้ายนะครับเราจะไปพุ่งเป้าในเรื่องของ Zcoin research lab แล้วก็ Zcoin foundation เหมือนกับเราต้องการที่จะมี Entity ที่ Represent ที่เป็นของตัวเราเองแล้วก็ แล้วก็จะทำระบบพวก Voting ที่เป็น Decentralized เพราะเรามีในส่วนของ Zero knowledge proof อยู่แล้ว นั้นหมายความว่าเราสามารถที่จะใช้ เทคโนโลยีของ Zcoin มาทำการโหวตเลือกตั้งใครซักคนได้โดยที่ไม่สามารถที่จะ Track กลับมาได้ว่าคนโหวตเป็นใครแล้วก็โหวตให้ใคร เพราะถ้าสมมติว่าเราทำด้วยระบบ Bitcoin ถ้าผมโหวตให้คนๆนึงเนี่ยมันสามารถที่จะ Track กลับมาได้เลยว่าผมโหวตให้ใคร อันนี้ก็คือเป็นไอเดียและโร้ดแมพของเราที่เป็นไอเดียว่าในสองปีข้างหน้าจะมีอะไรบ้าง
ทีมงาน Siam Blockchain:
ฟังแล้วรายละเอียดเยอะมากเลยครับแต่ก็เห็นภาพชัดเจนดี ทีนี้มีคำถามนึงเนื่องจากว่าผมเคยได้ข่าวว่า Zcoin เคยมีข้อผิดพลาดทำให้สูยเสียเงินไปจำนวนมากเลยมันมีข้อเท็จจริงอย่างไรครับ
คุณปรมินทร์:
ต้องบอกว่าเราพบ supply ของ การทำ mint กับ spent มันผิดปกติ เพราะมี spent มากกว่าการ mint ปกติต้องบอกว่า ขอเกริ่นก่อนน่ะครับ การ mint คือการแปลง zcoin ให้เป็น zerocoin และการ spent คือการแปลงจาก zerocoin กลับมาเป็น zcoinโดยที่ เหรียญที่ได้จากการ spent จะไม่มีร่องรอยเหลือเลย พอทางเราพบ เราจึงตรวจสอบเพื่อหาต้นตอครับว่ามาจากไหนแล้วเราก็พบว่า ในส่วนของการ check transaction นั้นมีส่วนโค้ดที่ผิดพลาด ทำให้ค่าไม่ถูกอัพเดทและนำมาซึ่งการแก้ไขบักดังกล่าวครับ ตอนแรกต้องบอกว่าเราค่อนข้างตกใจเหมือนกัน แต่เราสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ดีเราติดต่อ pool ให้หยุดรับ spent ทรานแซคชั่น เราติดต่อ exchange เพื่อให้ระงับ zcoin ที่ attacker ได้ไป แต่เหมือนทาง hacker ก็รู้ครับ เขาจึงสมัครหลาย ๆ user และทำการขายเป็น btc และนำออกทันที ทำให้ bittrex ไม่สามารถระงับเงินได้ทั้งหมด ซึ่งพอเราประกาศออกไปว่าเราพบบัค และทำการแก้ไขแล้ว ทุกคนก็เข้าใจและมองว่าเป็นข้อดี ที่เราสามารถตรวจสอบได้แม้แต่กระทั่ง Monero Dev ก็ยังมาชมครับ ซึ่งก็ถือว่าเราแก้สถานณ์ที่ถือว่าเลวร้ายที่สุดมาได้
[rsnippet id=”1″]
ทีมงาน Siam Blockchain:
เสียไปเยอะมั้ยครับมูลค่าตอนนั้น
คุณปรมินทร์:
ประมาณ 400,000 ดอลลาร์น่ะครับ แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ไม่ไมีใครเสีย zcoin ของตัวเอง และก็ไม่ใช่ double spending สิ่งที่กระทบ ก็คือ ราคาที่ ณ ตอนนั้นควรจะสูงกว่านั้น ถ้า hacker ไม่ขายทุกวัน ซึ่งตอนนี้ก็ถือว่าขึ้นมาประมาณ 10 เท่าได้แล้วครับหลังจากที่เราแก้ปัญหาไป
ทีมงาน Siam Blockchain:
เท่ากับว่ามี Zcoin ที่ไม่มีต้นตอหลุดออกไปมูลค่าประมาณ 400,000 ดอลลาร์ ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ คือเหมือนมีเงินเฟ้ออยู่ช่วงนั้นแบบนั้นสินะครับ
คุณปรมินทร์:
ใช่ครับเราก็เลยเลือกที่จะไม่ reverse ทรานแซคชั่นพวกนั้นกลับครับ
ทีมงาน Siam Blockchain:
งั้น Zcoin ที่ถูกออกไปนี้มันยังหมุนเวียนอยู่ในระบบถูกต้องมั้ยครับ
คุณปรมินทร์:
code is law ครับ เราแก้อนาคตได้ แต่ไม่ควรไปเปลี่ยนอดีต ยิ่งเป็นที่ Blockchain ด้วยถ้าไปแก้ เดี๋ยวจะมีปัญหาเหมือน Ethereum ที่แตกออกเป็นสองอันคือ Ethereum กับ Ethereum Classic
ทีมงาน Siam Blockchain:
อืมพอเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วครับซึ่งก็หวังว่าผู้อ่านของเราก็คงจะเข้าใจเช่นกัน ขอไปที่คำถามถัดไปละกันเลยครับในตอนนี้เนี่ย ในมุมมองของคุณปรมินทร์คิดยังไงกับตลาดคริปโตของโลกครับ คิดว่าแนวโน้มมันจะเป็นไปทางไหน อย่างเช่นมีคนบอกว่าเดียวตลาดคริปโตจะเป็นฟองสบู่จะแตก ซึ่งก็มีคนพูดออกมา แล้วทางคุณปรมินทร์คิดว่าตลาดคริปโคของโลกมันจะดำเนินไปเป็นยังไง
คุณปรมินทร์:
ต้องบอกว่าตลาดคริปโตเนี่ยมันโตค่อนข้างเยอะซึ่งพอมันโตค่อนข้างเยอะก็จะมีคนมองว่ามันจะเป็น Bubble ซึ่งเค้าก็จะใช้ความคิดของเค้าที่เค้าเคยเจอกับเศรษฐกิจที่เค้าเคยเจอมาก่อนมาตัดสินกับเหตุการณ์ ณ ปัจจุบันแล้วบอกว่าเป็น Bubble ซึ่งผมไม่มีสิทธิไปห้ามเค้า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แต่ถ้าเราเห็นอย่าง Warren Buffet ที่บอกว่า Bitcoin เป็นอะไรที่ประหลาดอย่าไปลงทุนหรือ Mark Cuban ที่บอกว่าคริปโตเป็น Bubble สุดท้ายก็มาลงทุนใน ICO ซึ่งเราก็สามารถรับฟังได้แต่ในตลาดคริปโตมันก็มีบางเหรียญที่เหมือนกับว่ามีจำนวนจำกัดจริงๆ แล้วถ้าเราดูเทคโนโลยีหรือทีมพัฒนาแล้วคิดว่ามันเป็นไปได้ แล้วมีคนสนับสนุนที่เพียงพอผมแนะนำว่าไม่ว่ามันจะ Bubble หรือไม่หากเราลงทุนกับที่นี่ไป ถึงแม้มัน Bubble เค้าก็จะอยู่แบบเดิมของเค้านั้นแหละครับ
สิ่งที่ต้องระวังคือมันจะมีบางเหรียญหรือบาง ICO ที่เกิดขึ้นมาแล้วถ้าเราศึกษาดีๆเทคโนโลยีที่อยู่ข้างหลังเค้าเนี่ยมันไม่ได้มีอะไรใหม่ หรือ Business Model ของเค้าก็ไม่มีอะไรที่จะเป็นไปได้ด้วยซ้ำ แม้จะ Raise fund ไปได้แต่หาก Business Model ทำงานไม่ได้มันก็จะดับไปเอง ซึ่งถ้าถามว่ามันมีเหรียญที่ Bubble มั้ยผมมั่นใจว่ามีแต่มันจะไม่ใช่ทุกเหรียญหรือทุกคริปโต เป็นแค่บางเหรียญที่เกิดขึ้นแต่ไม่ได้ Offer เทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ แต่เพียงตามเทรนเท่านั้นแล้วสุดท้ายมันก็จะตายไป
ทีมงาน Siam Blockchain:
เป็นความเห็นที่ดีมากครับงั้นไปที่คำถามถัดไปอยากถามว่าในประเทศไทยตอนนี้สถานการณ์เกี่ยวกับเงินดิจิตอล ตอนนี้ตามที่ทางเราติดตามมา มันไม่ได้ถูกยอมรับแต่มันไม่ได้ถูกปฎิเสธหรือถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นลักษณะของสีเทาๆอยู่ เลยอยากทราบในมุมมองของคุณปรมินทร์ว่าแนวโน้มมันจะเป็นยังไงหรืออยากให้มันจะเป็นยังไงบ้างครับ
คุณปรมินทร์:
สถานการ์ณตอนนี้นะครับผมคิดว่าในประเทศไทยจะทำให้คริปโตถูกกฎหมายในเร็วๆนี้แน่นอน เพราะว่า อินเดีย ญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ ออสเตเรีย ยอมรับแล้วนั่นหมายความว่า ประเทศเพื่อนบ้านรอบๆประเทศไทยยอมรับหมดแล้ว ซึ่งก็จะเหลือแค่สิงคโปร์มาประกาศยอมรับว่าคริปโตถูกกฏหมาย หลังจากนั้นก็เหลือแค่ว่าประเทศไทยจะเอายังไงเพราะเพื่อนบ้านยอมรับหมดแล้ว เพราะถึงถ้าไม่ยอมรับคนก็จะมาใช้งานมาเรียนรู้วิธีการอยู่ดี ซึ่งถ้าคุณไม่ออกกฎหมายมาตั้งแต่ต้นประเทศไทยก็จะล้าหลัง นั้นหมายความว่าโอกาสที่จะเป็นไทยแลนด์ 4.0 มันก็น้อยลงไป
[rsnippet id=”1″]
ทีมงาน Siam Blockchain:
เป็นความเห็นที่ดีมากครับงั้นไปที่คำถามถัดไปอยากถามในฐานะที่คุณปรมินทร์เป็นคนไทยคนหนึ่งที่พัฒนาเหรียญคริปโตของตัวเองขึ้นมาว่ามีอะไรจะแนะนำคนที่อยากจะพัฒนาเหรียญคริปโตของตัวเองขึ้นมามั้ยครับ
คุณปรมินทร์:
โดยส่วนตัวผมไม่ได้ห้าม แต่ไม่ค่อยแนะนำให้ทำเหรียญคริปโตขึ้นมาเองครับ เพราะว่าในปัจจุบันมี Service มากมายที่เราสามารถที่จะจ่ายเพียง 0.2 BTC ก็สามารถที่จะมีเหรียญของตัวเองได้แล้ว แต่พอทำออกมาทำไมมันถึงไม่เกิด เพราะว่ามันไม่ได้มีอะไรใหม่ มันไม่ได้มีอะไรให้แก่นักลงทุน มันมีอะไรที่แตกต่าง ถ้าเราตอบไม่ได้ ก็ไม่ควรที่จะทำเหรีญขึ้นมาเอง แต่ถ้าเรามีเทคโนโลยีอะไรที่แตกต่างจากคนอื่น อันนี้ผมแนะนำว่าให้ทำ เพราะว่ามันมีคนซื้อแน่นอน เพราะว่าถ้าเราทำอะไรที่เหมือนกับชาวบ้านในโลกคริปโต คนค่อนข้างที่จะ Buy ยาก นอกจากจะมีทีมที่เหมือนกับว่า ค่อนข้างที่จะ Well know อย่างเช่นคนที่คิดค้น Ethereum ขึ้นมาอยู่ๆก็ก็อปปี้เหรียญของตัวเองออกมาทำเป็น Ethereum 2 อาจจะมีคนซื้ออยู่เพราะซื้อด้วยชื่อเสียงของเค้า แต่ถ้าคนปกติที่ไม่ได้มีชื่อเสียงแล้วแค่ก็อปปี้โค้ดแล้วมาสร้างใหม่โอกาสที่จะรอดยากมาก ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้แต่มันไม่น่าที่จะ Success
ทีมงาน Siam Blockchain:
ฟังดูเหมือนกับว่าส่วนแบ่งการตลาดมันยังไม่ได้ใหญ่มากถึงขนาดคุณจะมาเปิด franchise แล้วขายได้ถูกต้องมั้ยครับ
คุณปรมินทร์:
ถูกต้องครับ
ทีมงาน Siam Blockchain:
งั้นถ้าเกิดสำหรับคนทั่วไปที่อยากศึกษาคริปโตมีอะไรจะฝากบอกเค้ามั้ยครับ
คุณปรมินทร์:
สำหรับคนที่อยากศึกษาคริปโตเนี่ยผมอยากจะบอกว่า ยินดีด้วยเพราะอย่างน้อยคุณก้าวข้ามผ่าน Step ที่บอกว่า Bitcoin เหมือนกับ OneCoin มาเรียบร้อยแล้ว แล้วคุณจะรู้ว่ามันต่างกันนะซึ่งผมยินดีด้วย ซึ่งใน Step ต่อไปหากคุณอยากศึกษาเหรียญอื่นๆอย่าง Zcash, Zcoin, Ethereum พื้นฐานที่สำคัญที่สุดก็น่าจะเป็น Cryptography ครับ ซึงผมหมายถึงในเชิง Technical นะครับอย่างน้อยก็ควรที่จะรู้ Cryptography แล้วจะทำให้มาอ่านเทคโนโลยีเบื้องหลัง Bitcoin หรือ Ethereum เข้าใจได้โดยง่าย ว่าทำไมเค้าถึงต้องทำกระบวนการแบบนี้ๆ ทำไมต้องใช้ค่า Difficulty โครงสร้างความเป็นมาเป็นไปทั้งหมด ที่มาของ Source code ทำไมต้องมีคนมาขุด ไม่แค่ว่าขุดอย่างเดียวแต่ให้รู้ที่มาว่าทำไมต้องขุดแล้วขุดนี้เป็นการทำอะไรกับตัว Blockchain ซึ่งความรู้เกี่ยวกับ Cryptography เราสามารถที่จะดูใน online course ของ Stanford, Princeton หรือ Berkeley ซึ่งก็น่าจะมากเพียงพอแล้ว หรือหนังสือภาษาไทยที่เกี่ยวกับ Cryptography ก็มีอยู่แล้ว ก็จะเข้าใจความเป็นมาของ Bitcoin และ Blockchain ได้
ทีมงาน Siam Blockchain:
ฟังแล้วรู้สึกดีมากเลยครับงั้นคำถามสุดท้ายนี้สำหรับคนที่อยากศึกษา Zcoin จะหาข้อมูลได้ที่ไหน
คุณปรมินทร์:
ก็เข้าไปใน zcoin.io หรือ Facebook “Zcoin Thailand” หรือติดต่อมาที่ผม [email protected] ได้เลยแล้วตอนนี้ผมก็พยายามที่จะ แปลวีดีโอ ที่ออกมาจาก Zcoin ให้เป็นภาษาไทยด้วยแล้วก็พยายามหาคนมาแปลบทความที่อยู่ในเว็ปไซต์ Zcoin ให้เป็นภาษาไทยด้วยเพราะในปัจจุบันเรามีแต่ภาษาอังกฤษและใช้ Google แปลเป็นภาษาไทย ซึ่งยังถือว่าแย่อยู่ครับ
ทีมงาน Siam Blockchain:
ขอบคุณสำหรับคำตอบนะครับในวันนี้ทางทีมงาน Siam Blockchain ก็ขอขอบคุณที่ยอมสละเวลามาให้สัมภาษกับทางเรา วันนี้เราได้ความรู้และมุมมองที่ดีและต่างออกไปมาก ซึ่งเราก็หวังไว้เช่นกันว่าใครก็ตามที่อ่านบทความนี้จะมีมุมมองและความเข้าใจที่เกี่ยวกับคริปโตและ Zcoin ที่ดีขึ้นครับ
สำหรับใครที่สนใจโร้ดแมพของทาง Zcoin สามารถเข้าไปดูในในเว็ปไซต์ของ Zcoin หรือดูได้ด้านล่าง
และยังมีวีดีโอที่แนะนำ Zcoin คร่าวๆหากใครสนใจลองเข้าไปชมได้
และปัจจุบัน Zcoin มีไให้เทรดแล้วบนกระดานเทรด Bx
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น