เมื่อมีข่าวลือเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเกี่ยวกับการที่ทางบริษัทยักษ์ใหญ่ในจีนอย่าง Alibaba ที่ประกาศว่าทางพวกเขาอาจจะรัน node ของ Ripple นั้น คำถามที่ตามมาคือ ทาง Ripple กำลังเริ่มเจาะกลุ่มเป้าหมายประชากรจีนแล้วใช่หรือไม่
ทว่าคำตอบที่ได้นั้นก็ยังคงมีทั้ง “ใช่” และ “ไม่” แต่ในขณะที่ทาง Ripple ปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวนั้น พวกเขาก็ได้คอนเฟิร์มว่าพวกเขากำลังเล็งที่จะเจาะเข้าไปสู่ตลาดจีน
ทว่าหากลองมาคิดดูให้ดีๆแล้ว ทั้งข่าวลือและคำกล่าวที่ว่านี้อาจจะไม่น่าตกใจเท่าไรนัก จริงอยู่ที่ว่าการเจาะตลาดจีนของ Ripple ที่จะได้เข้าถึงฐานลูกค้าและเม็ดเงินนับพันล้านที่ไม่ว่าบริษัทต่างประเทศไหนๆก็อยากจะเข้าไปทั้งนั้น และถ้าทาง Alibaba จะทำการรัน node ของ Ripple จริงๆ พวกเขาคงจะต้องเก็บมันไว้เป็นความลับก่อนแน่นอน เพื่อหลีกเลี่ยง “อาการตื่นตลาด” ของเทรดเดอร์สายข่าวหลายๆคนที่อาจแย่งกันซื้อเหรียญ XRP กันอย่างบ้าคลั่ง และอาจจะส่งผลเสียให้กับข้อตกลงได้
แม้ว่าถ้าหาก Alibaba ไม่ได้เปิด node แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่พูดคุยกับทาง Ripple
จริงๆแล้วการเป็นหุ้นส่วนกันระหว่าง Ripple และ Alibaba ดูเหมือนว่าจะมีความเป็นไปได้สูงเนื่องจากสองบริษัทนี้ต่างก็เป็นผู้ให้บริการทางด้านการเงินและการจ่านเงิน
Ripple จะได้ผลประโยชน์อะไร
สำหรับ Ripple หรือบริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติอเมริกันจากเมืองซาน ฟรานซิสโกที่ได้ทำการระดมทุนมาเป็นเงินจำนวนถึง 100 ล้านดอลลาร์เพื่อมาเป็นคู่แข่ง SWIFT หรือผู้ให้บริการช่วยโอนเงินทั่วโลกนั้น เป้าหมายของพวกเขาเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะน่าสนใจมาก
เมื่อประเทศจีนนั้นเริ่มมีบทบาทในตลาดโลกมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้น มีธุรกิจด้านการเงินหลายๆประเภทโผล่ขึ้นมาเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับทุกๆคน และรวมถึงธุรกิจด้าน e-commerce ของประเทศจีนนั้นก็ยังมีมูลค่าเกือบถึง 20% ของมูลค่าการซื้อขายระหว่างประเทศทั้งหมดอีกเช่นกัน
ทว่าการสร้างความสัมพันธ์กับธนาคารในประเทศจีนนั้นอาจจะถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากและซับซ้อน เนื่องจากทางรัฐบาลไม่ค่อยจะเชื่อใจและอนุญาตบริษัทจากต่างประเทศให้เข้ามายุ่งวุ่นวายและมีส่วนร่วมกับระบบการคลังของประเทศ ดังนั้นการเข้ามาร่วมเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทผู้ให้บริการด้านการเงินอันดับ 1 ในประเทศจีนนั้นจึงเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า
กระนั้น ในขณะที่บริษัทด้านอินเตอร์เนทต่างๆมีหุ้นส่วนทางด้านการเงินเป็นของตนเองแล้วนั้น (ซึ่งอาจจะเป็นธนาคาร) แต่ธุรกิจของพวกเขานั้นค่อนข้างที่จะมีความเกี่ยวเนื่องกับผู้บริโภคมากกว่า ในขณะที่กลุ่มเป้าหมายหลักของ Ripple นั้นคือสถาบันด้านการเงิน หรือธนาคาร
แต่อย่างไรก็ตาม CEO ของ Ripple หรือนาย Brad Garlinghouse ได้ออกมากล่าว่าเขาคาดหวังที่จะเจาะตลาดผู้บริโภคให้ได้ภายในอีก 5 ปีข้างหน้านี้
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
Alibaba จะได้ผลประโยชน์อะไร
ด้วยโครงสร้างบริษัทและเป้าหมายระดับโลกของ Alibaba นั้น การนำเอาเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาปรับใช้กับธุรกิจของพวกเขาจะเป็นผลดีกับบริษัทได้อย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าทางบริษัทลูกของ Alibaba อย่าง Ant Financial กำลังจะหยิบยื่นโอกาสให้กับทาง Ripple ในเร็วๆนี้
ในการให้สัมภาษณ์ล่าสุดนั้น CEO ของ Ant Financial ได้ออกมาคอนเฟริ์มว่าพวกเขากำลังมองหาเทคโนโลยี Blockchain ที่จะมาทำงานร่วมกับ Alipay ได้ ซึ่งปัจจุบันบริการโอนเงินหากันผ่านแอพอย่าง Alipay นั้นถือเป็นเบอร์ 1 ของประเทศจีน ซึ่งตลาดของอุตสาหกรรมการจ่ายเงินผ่านแอพในจีนมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 5.5 ล้านล้านดอลลาร์
ความเป็นไปได้อีกด้านหนึ่งในการร่วมมือกันระหว่าง Ripple และ Alibaba นั้นอาจจะเป็นในเรื่องของระบบการโอนเงินผ่านเนททั่วโลก ที่ก่อนหน้านี้เคยถูกเปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยจะเริ่มต้นในประเทศมาเลเซียก่อน ซึ่งเป้าหมายของบริการดังกล่าวนั้นจะโฟกัสไปที่การโอนงินหากันระหว่างประเทศจีนและมาเลเซีย
นักออกกฎหมายอาจจะเข้ามากำกับ
ทว่า ก็อาจจะมีบุคคลที่สามที่อาจจะโผล่ขึ้นมาขัดไม่ให้โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นก็อาจจะเป็นได้ อย่างเช่นรัฐบาลจีน ที่อาจจะออกมาเรียกร้องให้มีการเปิดเผยความโปร่งใสด้านข้อมูล เหมือนๆกับที่พวกเขาเคยทำกับ Facebook และ Google
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทางธนาคารกลางแห่งประเทศจีนหรือ PBOC ได้ออกมาสั่งให้ผู้ให้บริการด้านการจ่ายเงินทางโทรศัพท์มือถือทุกรายเปิดเผยข้อมูลของผู้ใช้งานผ่านระบบศูนย์กลางของรัฐบาลก่อนเดือนมิถุนายนปีหน้า เพื่อที่ทางรัฐบาลจีนจะได้เข้าถึงข้อมูลทุกอย่าง และสามารถที่จะควบคุมทุกอย่างได้แบบเบ็ดเสร็จ
การเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจจะทำให้การพัฒนาทางด้าน Blockchain ของระบบการจ่ายเงินในจีนอาจต้องชะลอตัวในอนาคตแบบที่นักวิเคราะห์บางคนมองไว้ก็เป็นได้
ทว่าถ้าทาง Ripple จะยอมเล่นตามกฎของรัฐบาลจีน สิ่งที่พวกเขาทำได้ก็คือให้ข้อมูลด้านธุรกรรมทั้งหมด bypass ผ่านระบบของรัฐบาล และให้ทางผู้ออกกฎหมายได้ตรวจข้อมูลทั้งหมดด้วยตัวเอง
ซึ่งถ้าหากทำสำเร็จนั้น นั่นอาจจะเป็นก้าวครั้งสำคัญของการนำเอาเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในการจ่ายเงิน เพราะลูกค้าในจีนจะหลั่งไหลเข้ามาใช้บริการกันมากขึ้น การโอนเงินทั่วโลกในระดับวินาทีจะกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น และราคาเหรียญ Ripple ก็คงจะแพงขึ้นอย่างแน่นอน ทว่าก่อนจะถึงเวลานั้น ก็คงไม่มีใครรู้ดีว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น