สวัดดีครับชาว Siam Blockchain วันนี้เราจะมาแนะนำเงินดิจิตอลตัวนึงที่พุ่งแรงมากเมื่อไม่นานมานี้ นั้นก็คือ Dash เมื่อไม่นานมานี้ Application ของ Dash ก็ได้ขึ้นไปอยู่บน App store ทำให้มันถูกพูดถึงมากขึ้น Dash นั้นอ้างตัวเองว่าเป็น Digital Cash หรือเงินสดดิจิตอลเพราะความรวดเร็วของมันทำให้มันทำงานได้เหมือนเงินสด ซึ่งในขณะนี้มันมีมูลค่าอยู่ที่ 294 ดอลลาร์และอยู่ที่อันดับ 7 ของ Coinmarketcap โดยเราจะมาดูกันว่าเงินดิจิตอลตัวนี้เป็นมายังไง
Dash เป็นเหรียญที่ถูกสร้างขึ้นในเดือนมกราคมปี 2014 โดยมันเป็นเหรียญที่ถูก Fork มาจาก Bitcoin โดยนาย Evan Duffield ในตอนแรกมันมีชื่อว่า XCoin หลังจากนั้นก็ได้ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น Darkcoin และกลายเป็น Dash ในเดือนมีนาคมปี 2015 ซึ่ง Dash นั้นอ้างตัวเองเป็น Digital Cash หรือเงินสดดิจิตอล และแน่นอนมันไม่ได้ขึ้นกับองกรณ์ธนาคารหรือรัฐบาลใด และการที่มันถูก Fork จาก Bitcoin ทำให้มันมีฟังชั่นพื้นฐานที่เงินดิจิตอลทุกตัวมีอย่างการป้องกับเรื่อง Double spending
X11
Dash นั้นใช้อัลกอริทึ่ม X11 ต่างจาก Bitcoin ที่ใช้ SHA-256 โดย Evan Duffield เป็นผู้นำมันมาใช้กับ Dash เพราะเค้ารู้ว่านักพัฒนาของ Bitcoin ไม่มีทางที่จะยอมรับมัน เพราะมันจะเป็นการเปลี่ยนโปรโตคอร์หลัก ซึ่งเครื่องที่ขุดด้วยอัลกอริทึ่ม X11 อาทิเช่น Antminer D3 และ Baikal giant
DGBB – Decentralized Governance by BlockChain
ก่อนที่ผู้คนจะรู้จัก DAO หรือ Decentralized Autonomous Organization (องกรณ์ที่ทำงานแบบอิสระไม่มีศูนย์กลาง) Dash เป็นที่แรกที่มีรูปแบบการทำงานเหมือน DAO มันคือระบบที่ระดมทุนและเป็นองกรณ์ไร้ศูนย์กลางที่มี Sybil-attack-proof (Sybil-attack คือการโจมตีในเนตเวิร์คแบบ peer to peer โดยผู้โจมตีจะหลอกระบบว่าตัวเองมีแหล่งที่มาหลายจุด) นั้นทำให้ระบบนี้สามารถป้องกันหากมีใครจะสร้างโหนดหลายๆตัวมาอ้างว่าตัวเองเป็นผู้ใช้ ทำให้มันเป็นระบบที่จะอิงเสียงข้างมากเท่านั้น (network concesus)
ผู้ใช้สามารถส่งคำร้องหรือความต้องการใดๆ ที่อยากจะเปลี่ยนแปลงระบบได้ผ่านทางคอมมูนิตี้ โดยใครก็ตามที่เป็นเจ้าของ Master node จะมีสิทธิในการโหวต 1 โหวต ซึ่งหากคำร้องใดได้รับการสนับสนุนมากเพียงพอคำร้องนั้นก็จะได้รับการพัฒนา
ระบบ Ecosystem
ระบบของ Dash มีความต่างจาก Bitcoin ตรงที่ระบบของ Bitcoin จะขึ้นกับนักขุดเท่านั้น แต่ระบบของ Dash นั้นจะถูกแบ่งเป็นสองขั้นโดยมันจะขึ้นกับนักขุดและผู้รัน Masternode ซึ่งใครก็สามารถโหลดแอปพลิเคชั่นของ Dash มาเป็นติดตั้งเป็นโหนดส่วนนึงของระบบได้ แต่ Masternode จะทำมากกว่านั้น โดย Masternode จะเป็นเหมือนกระดูกสันหลังของระบบและจะเป็นหน่วยที่รันคำสั่งในฟังชั่นต่างๆซึ่งในการจะเป็น Masternode ได้นั้นผู้ใช้งานต้องค้ำประกันด้วยเหรียญ Dash 1000 Dash
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
PrivateSend
ธุรกรรมของ Dash นั้นจะมีความเป็นส่วนตัวโดยการใช้แนวคิด Coinjoin ที่จะรวมธุรกรรมหลายๆธุรกรรมไว้ในธุรกรรมเดียวโดย Masternode จะเป็นผู้จัดการ ซึ่งธุรกรรมที่รวมแล้วจะมีลิมิตอยู่ที่ 1000 Dash และยังไม่พอ Dash ได้เพิ่มความปลอดภัยเข้าไปอีกขั้นด้วยการทำให้ Masternode ส่งธุรกรรมออกไปในเน็ตเวิร์คพิเศษที่เรียกว่า DSTX เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้
InstantSend
Dash ใช้เทคโนโลยี InstantSend ซึ่งทำให้การเกิดธุรกรรมนั้นเกิดขึ้นแทบจะทันทีซึ่งเท่ากับว่ามันเหมาะมากในการที่จะเป็นตัวกลางซื้อขาย และมันยังมีความเป็นส่วนตัวที่ไม่ว่าใครก็ตามไม่สามารถตรวจสอบประวัติธุรกรรมได้
Masternode & Proof of Service
เนื่องจากระบบของ Dash ไม่ได้ขึ้นกับขักขุดเพียงอย่างเดียวแต่ยังขึ้นกับ Masternode ด้วยเพราะ Masternode จะช่วยดูแลระบบให้กับ Dash โดย Masternode นั้นจะสามารถ reject block ที่ผิดปกติจาก miner ได้ ทำให้มันกลายเป็นระบบสองชั้น ชั้นแรกคือนักขุด ชั้นที่สองคือ Masternode ซึ่งตัว Masternode นี้จะไม่ได้ทำการขุดใดๆแต่มันจะเป็นตัวรับรองความปลอดภัยให้ระบบและถูกค้ำประกันด้วย 1,000 Dash โดย Block reward ของ Dash นั้น 45% ของรางวัลจะถูกมอบให้แก่นักขุดอีก 45% จะถูกมอบให้กับ Masternode และอีก 10% จะถูกมอบให้แก่ระบบ ด้วยการทำงานของ Masternode ทำให้ Dash ถูกมองว่าเป็นเหรียญที่สามรถขุดได้ด้วย Proof of service
Dash Evolution
เนื่องจากรางวัล 10% จากการขุดจะกลายเป็นงบให้แก่ระบบ Dash เพื่อให้ผู้ที่มีส่วนร่วมสามารถส่งคำร้องว่าจะทำยังไรกับระบบและหนึ่งในนั้นคือ Dash evolution ซึ่งเป็นโปรเจคที่นำเงินตรงนี้มาใช้โดยโปรเจคนี้มุ่งเป้าที่จะสร้าง Application ที่เป็น Wallet ของ Dash ให้ใช้งานง่ายและทุกคนเข้าถึงได้
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
50+1% Approve
ในระบบการโหวตของ Dash นั้นต้องการเสียงสนับสนุนเพียงแค่ 50+1% จาก Masternode ทั้งหมดซึ่งแตกต่างจาก Bitcoin ที่ต้องการ 95% อย่างในกรณีของเรื่อง Segwit2x ที่ผ่านมา
ธุรกรรม
ค่าธรรมเนียมของ Dash นั้นน้อยมากเมื่อเทียบกับ Bitcoin และมันยังทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็ว โดย Block time อยู่ที่ 2.30 นาทีซึ่งเร็วกว่า Bitcoin ถึง 4 เท่า โดยเฉลี่ยแล้วธุรกรรมของ Dash จะใช้เวลาเพียง 1.3 วินาทีในการตรวจสอบจาก Masternode และกระจายไปยังโหนดต่างๆในเวลา 6 วินาที
สรุป
Dash เป็นหนึ่งในเงินดิจิตอลที่มีอัตราการเติบโตดีมากด้วยความสามารถของมันทำให้มันสามารถเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจของเงินดิจิตอลที่จะเอาไว้ซื้อสินค้า รวมถึงระบบ Ecosystem ที่เป็นแบบสองขั้นคือนักขุดและ Masternode แต่น่าเสียดายที่มันยังไม่เป็นที่แพร่หลายเท่าไหร่นักและอายุของมันก็ไม่ได้มาก ซึ่งเราก็ยังต้องดูกันต่อไปว่าเงินดิจิตอลตัวนี้จะมีอนาคตยังไง เพราะในวงการเงินดิจิตอลอะไรก็เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น