ถ้าหากคุณเป็นผู้ใช้ Bitcoin ตัวยงที่ติดตามข่าวการพัฒนาการแก้ปัญหา scaling ของ Bitcoin และรวมถึงดรามาภายในกลุ่มนักพัฒนา Bitcoin Core นั้น คุณจะรู้ได้ว่า Segregated Witness (SegWit) หรือโค้ดที่ช่วยในการแก้ปัญหาค่าธรรมเนียม Bitcoin ที่แพงหูฉี่นั้น ได้ถูกเปิดใช้งานไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระนั้นการเปิดใช้งานดังกล่าวก็ไม่ได้หมายความส่าจะส่งผลทันที เนื่องจากมันยังต้องรอให้ผู้ให้บริการกระเป๋า Bitcoin หรือเว็บเทรดนั้นทำการติดตั้งเทคโนโลยีดังกล่าวนี้เข้าไปด้วย โดยหากอ้างอิงจากเว็บ Segwit.party นั้นเราจะได้เห็นว่าปัจจุบันมีธุรกรรมแค่ราวๆ 1% ของทั้งหมดเท่านั้นที่อยู่บน SegWit
คำถามใกล้ตัวที่ตามมาคือ แล้วเมื่อไหร่ผู้ใช้งาน Bitcoin ในประเทศไทยจะได้ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวนี้อย่างเต็มที่สักทีล่ะ? แม้ว่าปัจจุบันนั้นมีผู้ให้บริการกระเป๋าอิสระทั่วไปที่รองรับการใช้งาน SegWit แล้วลองยกตัวอย่างกระเป๋า Bitcoin ที่ชาวไทยใช้บ่อยๆไม่ว่าจะเป็น Ledger หรือ Trezor นั้นก็รองรับเทคโนโลยีดังกล่าวแล้วเช่นกัน โดยผู้ใช้งานกระเป๋าที่ว่านี้สามารถที่จะส่ง Bitcoin หากันได้บนเทคโนโลยีใหม่นี้ และ enjoy ค่าธรรมเนียมที่ต่ำ ทว่าถ้าหากคุณต้องการโอนเพื่อไปแลกเป๋นเงินบาทบนเว็บผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนล่ะ? พวกเขารองรับ SegWit แล้วหรือยัง?
อ้างอิงจากนาย David Barnes หรือผู้ก่อตั้งเว็บเทรดเหรียญ Cryptocurrency อันดับ 1 ของไทยนามว่า Bx นั้น เขาได้ออกมาคอนเฟิร์มว่าจะติดตั้งระบบ SegWit บน address หรือกระเป๋าเก็บ Bitcoin บนเว็บของเขาภายในอีก 2-3 สัปดาห์ ซึ่งเขาจะต้องทดสอบระบบก่อนเปิดใช้งานจริงเพื่อความปลอดภัย และหลังจากนั้นก็จะทำการนำเอา address ของ Bitcoin ที่รองรับ SegWit มาแทนที่ address เดิมในปัจุบัน โดยในการให้สัมภาษณ์กับทางสยามบล็อกเชนนั้น เขากล่าวว่า
“น่าจะต้องใช้เวลาอีก 2-3 สัปดาห์นะครับ ทางเราต้องทดสอบมัน ก่อนที่จะทำการอัพเดตระบบ และหลังจากนั้นก็จะทำการเอา address ที่มี SegWit รองรับมาแทนที่ address ปกติในปัจจุบัน และหลังจากนั้นทางเราหวังว่าค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมจะต่ำลงมาก”
SegWit นั้นจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาการทำธุรกรรมที่มีความแพงมากในปัจจุบัน โดยอ้างอิงจาก Bitcoin Info Charts นั้น ปัจจุบันค่าธรรมเนียมโดยเฉลี่ยของ Bitcoin อยู่ที่ราวๆ 7.3 ดอลลาร์ในการทำธุรกรรมต่อ 1 ธุรกรรม หรือราวๆ 242 บาท
ซึ่งหากนำมารวมกับข้อมูลจากแหล่งอีกที่หนึ่งซึ่งก็คือ Bitcoinfees.21 นั้นเราจะพบว่าค่าธรรมเนียมดังกล่าวหากคิดเป็น Bitcoin อยู่ที่ 0.0015 BTC และจะใช้เวลาในการโอนต่อครั้งเฉลี่ย 0-90 นาที หรือราวๆ 1 ชั่วโมงครึ่งโดยสูงสุด
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
ตัวเลขเหล่านี้หมายถึงอะไร? ในโลกของ blockchain และนักขุด Bitcoin นั้น ใครก็ตามที่จ่ายค่าธรรมเนียมในการโอนมากกว่า จะได้รับเลือกในการ confirm ธุรกรรมจาก miner ให้ไปถึงที่หมายก่อน และเร็วกว่า นั่นหมายความว่า SegWit นั้นจะมาช่วยทำให้ค่าธรรมเนียมต่อบล็อกนั้นลดลง โดยยังคงสอดคล้องกับระยะเวลาในการโอน Bitcoin ที่สมเหตุสมผลอยู่นั่นเอง โดยแทนที่คุณจะจ่าย 0.0003 BTC (ประมาณ 30 กว่าบาท) เพื่อทำธุรกรรมต่อ 1 ธุรกรรมและใช้เวลารอประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ SegWit ก็จะมาช่วยแก้ให้มันสมส่วนกัน และเร็วขึ้น โดยการจ่ายค่าธรรมเนียมที่ 30 กว่าบาทอาจจะทำให้ miner ช่วย confirm ธุรกรรมเร็วขึ้นมามากกว่านั้นอีกหลายเท่า
ทว่าในช่วงสิ้นเดือนที่จะถึงนี้ทางกลุ่มนักพัฒนา SegWit2x มีแผนเพื่อทำการ hard fork เครือข่ายของ Bitcoin เพื่อให้ขนาดบล็อกในการเก็บธุรกรรมนั้นอยู่ที่ 2MB โดยหลายๆคนก็ออกมาแสดงความกังวลว่านี่อาจทำให้เกิด Bitcoin ตัวที่สามขึ้นมา ทว่าทางเราก็ยังต้องรอดูกันต่อไป
ภาพจาก bitcoin magazine
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น