<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินกล่าวว่าฟองสบู่ Bitcoin มาถึงแล้ว และจะทำให้เกิดหายนะเศรษฐกิจ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นาย Matthew Lynn หรือนักเขียนบนนิตยสาร Bloomberg ได้ออกมากล่าวเตือนในนิตยสาร Money Week ว่าการพุ่งขึ้นของ Bitcoin นั้นได้ทำให้เกิดฟองสบู่ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมได้

นาย Mathew กล่าวว่ามันเป็นเรื่องที่เมคเซนส์ว่าการที่ Bitcoin จะมาเป็นสกุลเงินในกระแสหลักได้นั้น ราคาของมันต้องเพิ่มขึ้น แต่เขาก็กล่าวว่ามันเป็นเรื่องที่น่ากลัวเกินไปที่มันจะเพิ่มขึ้นถึง 800% ภายใน 1 ปี หรือสี่เท่าภายในระยะเวลาแค่ 6 เดือน และ 87% ในระยะเวลาแค่ 1 เดือน

ราคาของ Bitcoin นั้นไม่ปกติ

นาย Matthew กล่าวว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับราคาของ asset ซึ่งประวัติศาสตร์ด้านการเงินนับสองร้อยปีได้สั่งสอนมาแล้วว่าการพุ่งขึ้นของราคาชนิดนี้คือฟองสบู่ เขายังได้กล่าวว่าผลกระทบนั้นมันมากกว่าที่จะกระทบแค่สองสามคนที่ถือ Bitcoin อยู่ในมือเสียอีก

เขากล่าวว่าฟองสบู่นั้นจะทำให้อัตราการลงทุนนั้นเกินเกณฑ์ที่กำหนดไว้ (overinvestment) และทางผู้ประกอบการต่างๆจะหลอกล่อให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพด้าน cryptocurrency

นาย Matthew ยังได้เปรียบเทียบฟองสบู่ Bitcoin กับฟองสบู่ Dotcom และยังบอกว่าเงินที่นำมาลงทุนนั้นดูเหมือนจะมากเกินความจำเป็น และมันน่าจะถูกเอาไปลงทุนอย่างอื่นมากกว่า

เขายังกล่าวว่าอีกว่าความบ้าคลั่ง (mania) ได้กลับมาสู่ตลาดแล้ว โดยมีสาเหตุมาจากตลาดกระทิงที่มีราคาวิ่งขึ้นติดต่อกันอย่างเป็นเวลานาน นาย Matthew เชื่อว่าในตลาดกระทิงใดๆก็แล้วแต่นั้น มันจะมี asset ที่ราคาพุ่งแบบ ‘บ้าไปแล้ว’ และยังได้นำเอาวิกฤติ subprime มายกตัวอย่าง โดยกล่าวว่ามันเป็น asset แห่งความบ้าคลั่งอีกด้วย

ก่อนหน้าวิกฤติ subprime นั้น ตลาดหุ้นบนอินเทอร์เนตมีราคาผันผวนอย่างบ้าคลั่ง ทุกๆคนต่างกระโดดเข้ามาในตลาดและราคามันก็พุ่งอย่างรุนแรง สำหรับในเคสของฟองสบู่อินเทอร์เนตนั้น ราคาของสินทรัพย์จะเป็นตัวบ่งบอกว่าสินทรัพย์นั้นๆได้ออกห่างจาก “โลกแห่งความเป็นจริง” มามากเท่าไรแล้ว และมันจะร่วงลงมาเมื่อไร

[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]

ผลกระทบหายนะทางเศรษฐกิจ

Cryptocurrency นั้นยังไม่ได้กลายเป็นสกุลเงินที่ยิ่งใหญ่อะไร และยังไม่ได้ถูกซื้อขายในตลาดระหว่างประเทศอย่างกว้างขวาง กล่าวโดยนาย Matthew แต่มันก็จะเข้ามามีส่วนในเรื่องของการเงินโลก และเมื่อมันล้มเมื่อไร มันก็จะล้มกันหมดทั้งโลก เหมือนกับที่เคยเกิดแล้วในปี 2008 และ 2009

นาย Matthew กล่าวว่าเขาเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าในขณะนี้มีการลงทุนตราสารอนุพันธ์แบบไหนบ้างที่ถูกนำมาเชื่อมต่อกับ cryptocurrency และมันถูกฝังรากลงไปในระบบการเงินโลกลึกขนาดไหน แต่มันก็จะส่งผลให้เห็นเร็วๆนี้เมื่อมันล้ม เขากล่าวสรุป

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น