<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

โวลลุ่มส่วนแบ่งการตลาดของ Bitcoin กระจัดกระจายไปตลาดประเทศอื่นๆมากขึ้น

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

การเทขายที่เรียกว่า panic sell หรือการขายด้วยความตกใจที่มีสาเหตุหลักๆมาจากการประกาศปิดให้บริการของเว็บเทรดทั้งสามนั้น ได้มีนักวิเคราะห์บางกลุ่มหยิบยกข้อดีของมันขึ้นมาอธิบายและอ้างอิง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการที่โวลลุ่มของ Bitcoin ในที่สุดก็ได้กระจัดกระจายไปอยู่ทั่วโลกเสียที ก่อนหน้านี้ที่ยังถูกจำกัดอยู่แค่ในตลาดจีน

โดยอ้่างอิงจากนาย Marc Hochstein หรือบรรณาธิการบริหารของ CoinDesk ที่ได้ออกมาแสดงความเห็นในบทความของเขานั้น ได้มีการอธิบายว่าก่อนหน้านี้เจ้าราชาของเหรียญคริปโตดังกล่าวใช้เวลาถึงสามปีในการฟื้นตัว หลังจากที่มีคนแย่งกันเทขาย ในช่วงเหตุการ Mt. Gox ที่ก่อนหน้านี้ราคาของ Bitcoin พุ่งขึ้นไปถึง 1,150 ดอลลาร์ แต่ก็ร่วงลงมาถึงแค่ 500 ดอลลาร์ภายในระยะเวลาไม่นาน

แต่ทว่าในตอนนั้นมันเป็นช่วงเวลาที่ประเทศจีนกินส่วนแบ่งการตลาดการซื้อขาย Bitcoin เป็นจำนวนถึง 90% ของทั่วโลก ตามกราฟด้านล่างตั้งแต่ช่วงกรกฎาคม 2013 จนถึงเมื่อช่วงต้นปีนี้ที่ผ่านมา อ้างอิงจาก State of Blockchain

ซึ่งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โวลลุ่มการซื้อขายจากในประเทศจีนก็ตกต่ำลงมาเรื่อยๆ

สาเหตุหลักๆนั้นก็เป็นเพราะว่าการประกาศหยุดให้บริการถอนของเว็บเทรดในประเทศ ซึ่งโวลลุ่มได้เริ่มตกลงตั้งแต่ตอนนั้น ทว่าโวลลุ่มจากประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้กลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการประกาศทำให้ Bitcoin ถูกกฎหมายในประเทศญี่ปุ่น ดั่งที่เห็นตามกราฟด้านล่าง

[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]

“โวลลุ่มการซื้อขาย Bitcoin ทั่วโลกดูเหมือนว่าจะมีการกระจัดกระจายไปทั่วโลก มากกว่าในปีที่ผ่านมาๆ”​ กล่าวโดยรายงานของ State of Blockchain เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

แม้ว่าปัจจุบัน ทางเว็บ OKCoin, Huobi, ViaBTC และ BTCC จะออกมาชิงประกาศปิดตัวไปแล้ว ซึ่งจะมีผลในเวลาอีกไม่นานที่จะถึงนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือทางรัฐบาลจีนก็ยังไม่มีการออกมาประกาศอย่างเป็นทางการ หรือมีการดำเนินการใช้กำลังเข้าปิดเว็บเทรดในประเทศแต่อย่างใด

ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง ที่ว่าความผันผวนของราคา Bitcoin นั้นขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย แต่มันก็ไม่มีอะไรที่จะสามารถมาการันตีได้แน่นอนว่าราคามันจะพุ่งกลับขึ้นมา ณ จุดเดิมอย่างรวดเร็วหรือช้าได้มากขนาดไหน

แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้เห็นกันอย่างชัดเจนก็คือโวลลุ่มที่กระจายไปตามตลาดทั่วโลก น่าจะทำให้ผลกระทบต่อราคาเหรียญ cryptocurrency ที่มาจากประเทศใดประเทศหนึ่งน้อยลงไปอีกในอนาคต

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น