<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

โค้งสุดท้าย ! จับตา 5 ตัวเลขแรงงานสหรัฐฯ ชี้ชะตาลดดอกเบี้ยและทิศทางตลาดคริปโตสัปดาห์นี้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นักลงทุนกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการตัดสินใจครั้งสำคัญ เพราะข้อมูลตัวเลขแรงงานของสหรัฐฯ จะทยอยประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ และจะเป็นกุญแจสำคัญในการชี้ทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) โดยเฉพาะประเด็นการคง หรือปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC ครั้งถัดไป 

5 ตัวเลขแรงงานสหรัฐฯ สัปดาห์นี้ แต่ละตัวบอกอะไร ?

1.วันอังคาร (30 ก.ย.) จะเปิดเผยข้อมูล JOLTS Job Openings ของเดือนสิงหาคม ตัวเลขนี้บ่งบอกว่า มีงานที่เปิดรับสมัครอยู่กี่ตำแหน่งในตลาด สะท้อนถึงความต้องการแรงงานของนายจ้าง 

หากตัวเลขออกมาสูง หมายความว่า ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง แต่ถ้าตัวเลขลดลงมาก อาจเป็นสัญญาณว่า เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว และกดดันให้ Fed ต้องพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ย

2.วันพุธ (1 ต.ค.) จะมีการประกาศรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของภาคเอกชน (ADP) ซึ่งมักใช้เป็น “ข้อมูลชี้นำ” ก่อนตัวเลข NFP ของภาครัฐบาลประกาศในวันศุกร์ ยิ่งต่ำกว่าคาด ก็ยิ่งตอกย้ำภาพการชะลอตัว

3.วันพุธ (1 ต.ค.) จะเปิดเผยข้อมูลอีกตัว ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิตหรือ ISM Manufacturing Index ของเดือนกันยายน ดัชนีนี้สะท้อนอัตราการขยายตัวของภาคการผลิต หากต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจกำลังหดตัว ซึ่งมักส่งผลเชิงลบต่อดอลลาร์ และส่งผลเชิงบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง

4.วันพฤหัสบดี (2 ต.ค.) จะมีตัวเลข Initial Jobless Claims หรือตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ใช้ชี้วัด “ความแข็งแกร่ง” ของตลาดแรงงาน หากเพิ่มสูงขึ้น แปลว่า การเลิกจ้างมากขึ้น สะท้อนตลาดแรงงานเริ่มอ่อนแรง

5.วันศุกร์ (3 ต.ค.) คือวันที่สำคัญที่สุด เนื่องจากจะมีการเปิดเผยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ของรัฐบาล และอัตราการว่างงาน โดยนักวิเคราะห์ Bloomberg คาดว่า NFP จะเพิ่มขึ้น 50,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานคาดว่า จะทรงตัวอยู่ที่ 4.3% ส่วน Reuters คาดไว้ใกล้เคียงกันที่ 39,000 ตำแหน่ง

สำหรับผลกระทบต่อ Fed หากตัวเลข NFP ออกมาสูงกว่าคาด หมายความว่า ตลาดแรงงานยังคงแข็งแรง Fed อาจชะลอการลดดอกเบี้ย ในทางกลับกัน หาก NFP ต่ำกว่าคาด และการว่างงานเพิ่มขึ้น ชี้ว่าตลาดแรงงานอ่อนแรง อาจกดดัน Fed ให้ต้องรีบลดดอก

นอกเหนือจากเรื่องตัวเลขแล้ว ตลาดยังมีความเสี่ยงด้านการเมืองที่ต้องจับตา หากสภาคองเกรสไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ อาจเกิดการปิดหน่วยงานรัฐบาล (Government Shutdown) ซึ่งจะส่งผลให้กระทรวงแรงงานไม่สามารถเปิดเผยตัวเลข NFP ตามกำหนดในวันศุกร์ได้ สถานการณ์นี้ จะยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับตลาดการเงิน

สรุปแล้วตัวเลขแรงงานสหรัฐฯ  ที่จะประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ ถือเป็น “จุดชี้ชะตา” ที่จะส่งผลต่อการตัดสินใจของ Fed เรื่องอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC ครั้งถัดไป (28-29 ต.ค.) นักลงทุนจึงต้องจับตาตัวเลข NFP วันศุกร์นี้เป็นพิเศษ เพราะนี่อาจเป็นตัวเลขที่ทำให้ตลาด “เหวี่ยงแรง” ได้มากกว่าการประกาศดอกเบี้ยเสียอีก

ที่มาภาพ:Nytimes

ลิงค์ข่าวที่เกี่ยวข้อง