ราคาของ Bitcoin ได้มีการพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ แต่หลังจากที่มีการประกาศระงับการอัพเดตการ scaling ของ SegWit2x นั้น ราคาของมันก็ได้ร่วงลงมาจากระดับ 7,500 ดอลลาร์สู่ 5,742 ดอลลาร์ในปัจจุบัน รวมถึงส่วนแบ่งการตลาดของ Bitcoin ก็ร่วงลงจาก 62% สู่ 47.6% ภายในเวลาแค่ 24 ชั่วโมง
โดยอ้างอิงจากเว็บ Blockchain.info ปัจจุบันมีธุรกรรมของ Bitcoin กว่า 152,813 ธุรกรรมที่ติดค้างอยู่ใน mempool เพื่อรอการ confirm ธุรกรรมจากนักขุด ซึ่งขนาดของ mempool ในปัจจุบันได้พุ่งทะลุ 100 ล้าน byte ไปแล้ว ซึ่งอาจกล่าวได้ว่ายังไม่เคยเกิดขึ้นในรอบสามเดือนที่ผ่านมา โดยอ้างอิงจาก Tradeblock นั้น ธุรกรรมที่ติดค้างอยู่ใน mempool มีจำนวนกว่า 171,796.97 BTC หรือคิดเป็นเงินประมาณ 900 กว่าล้านดอลลาร์ในอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน และมีขนาดอยู่ที่ราวๆ 44.88MB
จากการระงับการ hard fork ของ SegWit2x ส่งผลให้นักลงทุนเป็นจำนวนมากเริ่มเทขาย Bitcoin และเปลี่ยนไปถือเหรียญคริปโตอื่นๆแทน เนื่องจากพวกเขาจะไม่ได้รับเหรียญฟรีๆในแบบ “airdrop” ในขณะที่อีกหลายๆกลุ่มก็เปลี่ยนไปถือ Bitcoin Cash เนื่องจากว่าจำนวนขนาดบล็อกที่มีความยืดหยุ่น
เมื่อไรก็ตามที่ mempool นั้นเต็มไปด้วยธุรกรรมที่ยังไม่ได้ถูก confirm เครื่องขุดก็จะทำการเลือกธุรกรรมที่จ่ายค่าธรรมเนียมสูงที่สุด ซึ่งนั่นหมายความว่าผู้ใช้งานที่ต้องการจะให้ธุรกรรมไปถึงที่หมายเร็วๆจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้นักขุดมากกว่าปกติ
โดยอ้างอิงจากจากเว็บ bitcoinfess ค่าธรรมเนียมของ Bitcoin ที่ถูกที่สุดในตอนนี้อยู่ที่ 480 ซาโตชิ/byte โดยหากเฉลี่ยจะอยู่ที่ 226 byte ซึ่งนั่นหมายความว่าค่าธรรมเนียมจะอยู่ที่ราวๆ 108,480 ซาโตชิ หรือประมาณ 7 ดอลลาร์ ยิ่งจ่ายค่าธรรมเนียมมากเท่าไร ธุรกรรมยิ่งไปถึงที่หมายไวมากขึ้นเท่านั้น
ค่าธรรมเนียมของ Bitcoin นั้นดูเหมือนว่าจะยังคงสูงขึ้นอีกในระยะยาว แม้ว่าจะทำการติดตั้ง SegWit แล้วก็ตาม นาย Peter Todd หรือนักพัฒนาหลักของ Bitcoin กล่าวว่าอย่าแย่งกันเทขาย SegWit
…at which point fees will continue to rise after a short pit stop.
Let’s not oversell segwit; on-chain doesn’t scale. https://t.co/vUMXp80XJe
— Peter Todd (@petertoddbtc) November 10, 2017
Bitcoin กำลังถูกโจมตีอยู่หรือไม่
ผู้ใช้งานบางคนออกมาอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับ Bitcoin ในตอนนี้ โดยตามที่รายงานโดยสยามบล็อกเชนไปก่อนหน้านี้ ราคาของ Bitcoin Cash ได้พุ่งขึ้นสูงอย่างมาก โดยพุ่งไปถึง 2253.94 ดอลลาร์ในปัจจุบัน จากจุดราคาที่ 620 ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทว่าโวลลุ่มส่วนใหญ่นั้นมาจากตลาดในประเทศเกาหลีใต้ บางคนจึงคาดการณ์ว่าการเก็งกำไรดังกล่าวดูไม่สอดคล้องกับหลักความจริง โดยอ้างอิงจากเว็บ Coinmarketcap นั้น ราคาของ Bitcoin Cash บนเว็บ Bithumb พุ่งขึ้นไปสูงถึง 2,534 ดอลลาร์ และมีโวลลุ่มการซื้อขายคิดเป็นอันดับหนึ่งของโลก โดยอยู่ที่ 4.1 พันล้านดอลลาร์ และถ้าหากเพิ่มโวลลุ่มจากเว็บเทรดเกาหลีใต้อื่นๆอย่าง Coinone และ Korbit เข้าไปด้วย ส่วนแบ่งการตลาดทั้งหมดในเกาหลีใต้จะอยู่ที่ราวๆ 50%
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
ดูเหมือนว่าระบบ ecosystem ของ Bitcoin Cash กำลังดึงดูดผู้ใช้งาน Bitcoin ที่กำลังไม่มีความสุขกับสถานการณ์ของ Bitcoin ที่กำลังเป็นอยู่ โดยอ้างอิงจากเว็บ Blockchair นั้น ค่าธรรมเนียมของ Bitcoin ได้พุ่งขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์แล้ว ในขณะที่ของ Bitcoin Cash ยังต่ำอยู่
#Bitcoin vs. #BitcoinCash median fees chart.
Bitcoin just hit its ATH of $5, while Bitcoin Cash users enjoy stable and predictable fees under 3¢ ?
Follow us for more analytics! pic.twitter.com/XlNtyYFz0Q— Blockchair (@Blockchair) November 10, 2017
อัตราที่เพิ่มขึ้นของธุรกรรมที่ยังไม่ถูกคอนเฟิร์มอาจเกิดขึ้นจากโวลลุ่มการซื้อขายของ Bitcoin ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ท่ามกลางราคาที่กำลังร่วง
อย่างไรก็ตาม ผู้คนหลายๆกลุ่มเชื่อว่าจำนวนธุรกรรมที่ยังไม่ถูกคอนเฟิร์มเกิดขึ้นจากธุรกรรมปลอม และความกลัว, ความไม่แน่นอน และสงสัย หรือ FUD นั่นเอง ผู้ใช้งานบนเว็บบอร์ด Reddit ที่เคลมว่า Bitcoin กำลังถูกโจมตีอยู่ และเหตุการณ์อาจจะแย่ลงไปมากกว่านี้
“การสแปมธุรกรรมปลอม, FUD เกี่ยวกับเหรียญคริปโตบน Reddit, กำลังขุดถูกย้ายไปที่ Bitcoin Cash คือเอาจริงๆนะ ก่อนหน้านี้เราก็เคยเห็นเรื่องแบบนี้มาแล้ว ไม่มีอะไรจ่างเลย ทุกๆครั้งที่สิ่งนี้เกิดขึ้น พวกเด็กใหม่มักจะตื่นตระหนักและซื้อเหรียญ altcoin จากนั้นพวกเขาก็จะถูกปล่อยให้ถือเหรียญเหล่านั้นในขณะที่มูลค่ากลับไปหา Bitcoin และผู้ใช้งานใหม่ก็เข้ามาอีก ทำให้ราคาของมันพุ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดอีก และก็ไปซื้อเหรียญ altcoin อีก ซึ่งถือเป็นวัฏจักรที่เกิดขึ้นวนไปแบบนี้เรื่อยๆ”
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น