ทั้งลูกค้าธนาคาร ทั้งผู้บริโภคและธุรกิจ ต่างก็พูดว่าต้องการวิธีที่รวดเร็วในการส่งเงินทั่วโลก
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ได้รับฟังและพยายามที่จะบริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ล่าสุดได้เข้าร่วมกับ RippleNet ที่จะขจัดปัญหาในการชำระเงินข้ามพรมแดน
ในปัจจุบันธนาคารกรุงศรีใช้เครือข่าย blockchain ขององค์กร Ripple เพื่อช่วยบริษัทปิโตรเคมีแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการชำระเงินให้ยังลูกค้าต่างประเทศ
การแบ่งเบาความพร้อมกับสภาพที่เป็นอยู่เพื่อประโยชน์ของลูกค้า
ความร่วมมือระหว่างธนาคารกรุงศรีกับบริษัทปิโตรเคมีขนาดใหญ่นี้เกิดจากข้อด้อยที่เกิดขึ้นกับบริษัท ส่วนใหญ่: ลูกค้าไม่พอใจเรื่องความล่าช้าของการโอนเงินระหว่างประเทศ
เมื่อบริษัทพยายามที่จะส่งการชำระเงินให้กับคู่ค้าของพวกเขา แต่ก็กลับใช้เวลาหลายวันในการทำธุรกรรม
ยิ่งไปกว่านั้นผู้ส่งหรือผู้รับยังมองไม่เห็นสถานะการชำระเงินซึ่งเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังสำหรับลูกค้าของบริษัท ปิโตรเคมีดังกล่าว
หากบริษัทยังคงใช้กระบวนการชำระเงินแบบปกติที่ช้าและไม่โปร่งใส พวกเขาจะก็เสี่ยงต่อการสูญเสียคู่ค้าต่างประเทศที่สำคัญ ซึ่งแน่นอนอาจจะเป็นอันตรายต่อผลกำไรของพวกเขาด้วย
และนั้นก็คือตอนที่ธนาคารกรุงศรีเข้ามาช่วยลูกค้ารายนี้
ประธานเจ้าและ CEO ของธนาคารกรุงศรี Noriaki Goto กล่าวว่า “เราได้รับความไว้วางใจจากบริษัทปิโตรเคมีขนาดใหญ่ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจรายใหญ่ของเราในการปรับใช้ RippleNet เพื่อการโอนเงินระหว่างบริษัทกับคู่ค้าในต่างประเทศ”
Krungsri เปิดใช้งาน RippleNet ช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้า
ด้วยการใช้เครือข่าย Blockchain ของ Ripple ธนาคารกรุงศรีไม่เพียงแต่สามารถชำระเงินข้ามประเทศแบบ Real Time สำหรับบริษัทปิโตรเคมี และยังให้ความโปร่งใสในการชำระเงินอีกด้วย
“การทำธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์ภายในไม่กี่วินาทีเมื่อเทียบกับอย่างน้อยหนึ่งถึงสามวันทำกับระบบก่อนหน้า สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเทคโนโลยี Ripple ที่จะผลักดันให้ภาคธุรกิจของไทยขยายตัวเร็วขึ้น”
นาย Goto กล่าวเสริม
ความสำเร็จของบริษัทปิโตรเคมีขนาดใหญ่นี้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญทางการเงินของธนาคารกรุงศรีอย่างมีนัยสำคัญซึ่งจะยังคงได้รับประโยชน์จากการใช้เครือข่าย Blockchain ของ RippleNet
ในฐานะที่เป็นบริษัทในเครือของมิตซูบิชิยูเอฟเจไฟแนนเชียลกรุ๊ป (MUFG) ซึ่งเป็นกลุ่มการเงินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่นและเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกห้าแห่งที่มีสาขากว่า 2,000 แห่งในกว่า 50 ประเทศ ธนาคารกรุงศรี ได้แสดงจุดยืนตัวเองว่าเป็นผู้ที่ให้บริการชำระเงินทั่วโลกได้ทันที
“การใช้ RippleNet จะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการใช้นวัตกรรมทางการเงินเพื่อการชำระเงินข้ามพรมแดนแบบ Real Time สำหรับคู่ค้าทางธุรกิจรายอื่นๆ”
นาย Goto กล่าวสรุป
ดูเหมือนว่าธนาคารกรุงศรีนั้นจะไม่ได้เป็นธนาคารแรกที่นำเอาเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ ก่อนหน้านี้ยังมีธนาคารไทยพาณิชย์ที่นำเอาเทคโนโลยี Blockchain ของ Ripple มาใช้ในการโอนเงินระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย โดยทดสอบแล้วและสามารถโอนเงินระหว่างประเทศได้ในระดับวินาทีเช่นกัน
ผู้เขียนมีความคิดเห็นว่าธนาคารกรุงศรีได้เริ่มใช้เทคโนโลยี Blockchain เข้ามาช่วยในการชำระเงินแล้ว จะยิ่งทำให้ระบบ Payment ของประเทศไทยมีความปลอดภัย รวดเร็วอย่างแน่นอน
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น