<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Bitmain เตรียมเปิดตัวเครื่อง ASIC สำหรับขุด Ethereum มาพร้อม DDR3 Dram ขนาด 72Gb

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Technews ได้รายงานว่าบริษัท Bitmain ซึ่งเป็นผู้ออกแบบชิพ ASIC และเป็นเจ้าของเหมืองขุดเหรียญคริปโตนาม Antpool ซึ่งเคยเป็น 1 ในเหมืองขุดที่ใหญ่ที่สุด ได้วางแผนจะเปิดตัวเครื่อง ASIC สำหรับใช้ ขุด Ethereum โดยเฉพาะ นามว่า F3 ภายในไตรมาสที่ 2 หรือ 3 ปีนี้

“Bitmain กำลังจะออก F3 ซึ่งเป็นเครื่องขุด ASIC ที่ใช้ขุดเหรียญ Ethereum โดยมีรายงานว่าเครื่องขุดแต่ละตัวจะมาพร้อมกับเมนบอร์ด 3 ตัว และในแต่ละเมนบอร์ดจะมีชิพ ASIC ทั้งหมด 6 ชิพ และ ram DDR3 1 GB จำนวน 32 ตัว ซึ่งนั่นหมายความว่าจะมี DRAM ทั้งหมด 72 Gigabyte”

ซึ่ง 72 Gigabyte DRAM memory นี้ถือว่ามีกำลังในการช่วยขุดที่สูงกว่า rig การ์ดจอขุดเหรียญอื่น ๆ ในตลาดขณะนี้

อย่างไรก็ตาม ปัญหาในการผลิตของ Bitmain ในขณะนี้อยู่ที่การคอขวดในเรื่องของการหาชิ้นส่วน Dram memory มาประกอบ ซึ่งชิ้นส่วนดังกล่าวถูกผลิตโดยบริษัท TSMC ในไต้หวัน โดยความต้องการของบริษัท Bitmain สำหรับชิ้นส่วนนี้อยู่ที่ประมาณ 3,000 ชิ้นต่อเดือน ทั้งนี้การผลิตชิพเครื่องขุด ASIC สำหรับ Ethereum นี้จะเข้าสู่ขั้นตอนกระบวนการผลิตอย่างเป็นทางการในเดือนนี้ และคาดว่าเครื่องขุด F3 นี้จะสามารถเปิดตัวได้ในไตรมาสที่ 2 หรือ 3 ภายในปีนี้

โดย algorithm ชื่อ Ethash สำหรับขุด ETH นั้นถูกออกแบบมาเพื่อไม่ให้สามารถใช้เครื่อง ASIC ขุดได้ อย่างไรก็ตาม นาย Charlie Lee บิดาของเหรียญ Litecoin ได้กล่าวว่า

“ผมคิดว่าเครื่อง ASICs จะต้องถูกสร้างขึ้นอย่างแน่นอนหากเหรียญที่จะถูกขุดนั้นมีมูลค่ามากขึ้น ซึ่งมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายอะไร”

ทั้งนี้ Bitmain ก็ได้พัฒนาชิพ ASIC สำหรับขุด Litecoin ที่มีนาย Charlie เป็นผู้ก่อตั้ง และ Siacoin อีกด้วย

นักขุดเหรียญสายการ์ดจอเริ่มกังวล

เมื่อข่าวนี้ได้แพร่ออกไป ได้มีนักขุดสายการ์ดจอได้ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับเครื่อง ASIC ดังกล่าวว่าจะมาทำให้พวกเขาต้องพบกับจุดจบหรือไม่

ซึ่งผู้ใช้งานบนเว็บบอร์ด BitcoinTalk รายหนึ่งถึงกับกล่าวว่า

“หลับให้สงบนะ Rig ของผม ;’(”

กระนั้น นักขุดบางคนก็ไม่ได้รู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวดังกล่าวมากนัก เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ Vitalik Buterin หรือผู้ก่อตั้ง Ethereum เคยออกมาประกาศถึงโร้ดแมพการพัฒนาเหรียญในขั้นตอนที่ชื่อว่า Casper ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนอัลกอริทึ่มอย่างช้า ๆ จาก Proof of work ไปเป็น Proof of stake ซึ่งแปลว่าในท้ายสุด เหรียญ Ethereum จะไม่สามารถถูกขุดได้อีกต่อไปนั่นเอง

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น