สำหรับอุตสาหกรรมที่อะไร ๆ ก็ Decentralized ไปซะทุกอย่าง มันดูแปลกไม่น้อยเลยที่ วงการคริปโตกลับจำเป็นต้องพึ่งเว็บเทรดที่ยังใช้ระบบแบบ Centralized อยู่ ซึ่งมีปัญหาที่ตามมาคือ เงินจำนวนมหาศาลของผู้ใช้จะถูกเก็บรวบรวมในที่ ๆ เดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจสำหรับแฮ็คเกอร์เป็นอย่างมาก และก็ใช่ว่าเหตุการโจรกรรมที่เว็บเทรดเผชิญนั้นเกิดขึ้นได้ยาก ภายใน 3 เดือนที่ผ่านมา มีเว็บเทรดขนาดใหญ่ 2 เว็บถูกแฮ็ค เว็บ Bitgrail สูญเสียไปกว่า 170 ล้านดอลลาร์ในรูปแบบของเหรียญ XRB และ เว็บเทรดสัญชาติญี่ปุ่นนาม Coincheck ถูกแฮ็คสูญเสียไปกว่า 400 ล้านดอลลาร์ในรูปแบบของเหรียญ NEM ซึ่งนับว่าเป็นการโจรกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ คริปโต
เว็บเทรดคริปโตแบบ Decentralized
โชคยังดีที่ พวกเรายังมีทางเลือกอื่นนอกจากการฝากเงินไว้กับเว็บเทรดแบบ Centralized ทางเลือกที่ว่าก็คือ เว็บเทรดแบบ Decentralized หรือรู้จักกันในชื่อย่อของ DEXs นั้นเอง แพลตฟอร์มนี้จะแก้ปัญหาของการกระจุกตัวของเงินจำนวนมาก โดยการที่ผู้ใช้งานทุกคนสามารถเทรดได้โดยไม่จำเป็นต้องฝากเงินเข้ามาในแพลตฟอร์ม ก็สามารถเทรดได้นั่นเอง แต่ว่า DEXs นั้นก็มีข้อจำกัดในตัวของมันคือ สภาพคล่อง และการตัดหน้า
สภาพคล่อง
การทำงานของเว็บเทรดแบบ Decentralized คือผู้ใช้งานทุกคนจะวาง Order แยกกัน แต่ว่า Order เหล่านั้นไม่ได้อยู่ใน Order Book เดียวกันทำให้เกิดปัญหาขึ้น แต่ปัญหาดังกล่าวก็ถูกแก้อีกโดย “Networked Liquidity” การทำงานของมันคือจะการใช้ API ของแต่ละ Order Book ที่แยกกันนั้นในการเชื่อมแต่ละ Order เข้าหากัน ทำให้ Order ในระบบสามารถหากันเจอและมีการเทรดกันเกิดขึ้น
การตัดหน้า
ปัญหาการตัดหน้า หรือ Front Running คือ การที่ผู้คนแข่งกันเพิ่มจำนวน GAS (ยิ่งใช้เยอะยิ่งได้ Order ไว) ในเว็บเทรด เว็บเทรดแบบ Decentralized ส่วนใหญ่นั้นทำงานอยู่บน Blockchain ของ Ethereum ที่ต้องพึ่งพา Smart Contracts และด้วยความที่เครือข่ายนั้นเป็น Public Blockchain คนอื่น ๆ ก็สามารถตรวจสอบได้ว่าในตอนนี้ใครกำลังจะได้ Order ก่อน และเมื่อทุก ๆ คนเห็น GAS ก็มีการเพิ่ม GAS เพื่อวาง Order ตัดหน้าเกิดขึ้นนั่นเอง
Off-Chain Atomic Swaps
ในวันที่ 15 มีนาคม 2018 Lightning Labs เปิดตัว Lightning Beta สำหรับ Mainnet ของ Bitcoin และ Litecoin และหนึ่งในสิ่งที่ผู้คนพูดถึงกันมากที่สุดใน Lightning Networks (LN) คือ Atomic Swaps
Atomic Swaps สามารถแลกทำให้การแลกเปลี่ยนคริปโตนึงไปยังอีกคริปโตนึงนั้นเกิดขึ้นได้ทันที, เป็นส่วนตัว และไม่มีค่าธรรมเนียม โดยไม่ต้องพึ่งการขุดเลย เป็นการแลกเปลี่ยนคริปโต จากกระเป๋านึงไปยังอีกกระเป๋านึง (Wallet-to-Wallet) ทีนี้เรามาดูกันว่ามันจะสามารถแก้ปัญหาของสภาพคล่อง และการตัดหน้าใน DEXs ได้อย่างไร
Atomic Swaps แก้ปัญหาเรื่องสภาพคล่อง
มีวิธี 2 วิธีในการส่งคริปโตด้วย Atomic Swaps ผ่าน LN คือ ส่งจาก LN Node อันนึงไปยัง LN Node อีกอันนึงโดยตรง หรือ ทำการส่งผ่านตัวกลาง
ถ้าพูดถึงสภาพคล่องแล้วล่ะก็ หนึ่งในปัญหาของ LN คือเรื่องทุน และความพร้อมของช่องทางการส่งเงิน (Channel) เนื่องจากธรรมชาติของ LN นั้นจำเป็นต้องให้ผู้ที่ต้องการใช้งานเปิดช่องทางการจ่ายเงินร่วมกันแบบ Multisig ซึ่งนั่นแปลว่าผู้ใช้จะเปิด Channel ก็ต่อเมื่อพวกเขามีเงินที่จะแลกเปลี่ยนเท่านั้น และการส่งเงินผ่านตัวกลางก็เช่นกัน ตัวกลางจะทำการส่งเงินได้ก็ต่อเมื่อผู้ใช้มีเงินที่จะแลกเปลี่ยน
แต่ปัญหาดังกล่าวสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีเดียวกันกับที่แก้ปัญหาของ DEXs คือการที่ทำให้ผู้ใช้งาน DEXs สามารถแชร์ Order Book กันได้ นี่ก็เหมือนกัน LN Nodes จะหา LN Nodes ในระบบจนกว่าจะเจออันที่มีเงินเพียงพอที่จะเปิด Channel ได้ โดยการเพิ่มรอบในการหา Nodes เข้าไปแทน แต่วิธีนี้ก็ยังเป็นความท้าทายสำหรับนักพัฒนา LN อยู่เนื่องจากโปรเจคยังทำมาได้ไม่นานนักให้มี Node ในระบบไม่เยอะมาก แต่เชื่อว่าถ้าระบบเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ Node ในระบบมากขึ้นเรื่อย ๆ ปัญหาดังกล่าวจะมีน้อยลง
Atomic Swaps แก้ปัญหาการตัดหน้า
Atomic Swaps ใช้เทคนิคที่ชื่อว่า Hash Time Locked Contracts (HTLC) โดยการทำงานของมันคือจะทำการส่ง Order เข้าไปในระบบพร้อมกัน ๆ เพื่อให้มั่นใจว่า Order ของผู้ใช้ไม่สามารถถูกตัดหน้าด้วย GAS ที่สูงกว่าได้
ยกตัวอย่างเช่น เราต้องการที่จะแลกเปลี่ยน Litecoin เป็น Bitcoin เราก็ต้องหาผู้ที่ต้องการแลกเปลี่ยนด้วยบนเครือข่าย LN จากนั้นก็ทำการส่งสลับเหรียญกัน และถ้าเกิดเราไม่อยากเสียค่าธรรมเนียมในการสร้าง Channel ใหม่ เรายังสามารถไปใช้ Nodes ที่มีอยู่แล้วในระบบเพื่อการสลับเหรียญนี้ได้ด้วย
อนาคตที่สดใส
ในปัจจุบัน DEXs เป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่จะขับเคลื่อนโลกคริปโตให้เดินไปข้างหน้า ทำให้ผู้ใช้งานคริปโตสามารถเข้าใกล้ความเป็น Decentralized มากขึ้น มอบความมั่นใจ และปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน การที่ผู้คนไม่เคยเห็นหน้า หรือรู้จักกันเลยนั้น สามารถทำการแลกเปลี่ยนกันได้แบบ Trustless ในโลกอินเตอร์เน็ต โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งตัวกลางนั้น เป็นเรื่องที่สุดยอดมาก ๆ
หากเวลาผ่านไป 5 หรือ 10 ปี พวกเราจะมองย้อนกลับมาดูว่า การเทรดคริปโตในปัจจุบันอาจจะดูล้าหลังไปเลยสำหรับก็ได้
ที่มา Cointelegraph
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น