<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นักลงทุนยักษ์ใหญ่เผยในคอร์สอบรมของ FiveWhale “ลงทุน ICO อย่างไรให้ได้กำไรเป็นสิบ ๆ เท่า”

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หากใครได้ติดตามในวงการคริปโต คงทราบเป็นอย่างดีว่าหนึ่งในฟันเฟืองที่สำคัญที่สุดที่ทำให้วงการคริปโตเติบโตและเดินทางมาจนถึงวันนี้ นั้นคือมันทำให้การระดมทุนแบบ ICO เกิดขึ้นได้

การระดมทุนแบบ ICO นั้นเปรียบได้กับการลงทุนแบบปกติ (Venture Capital) แต่มีข้อจำกัดน้อยกว่า ซึ่งแปลว่าจะมีเงินระดมทุนไหลเข้าง่ายกว่าในแต่ละโปรเจกต์ ทำให้มีโปรเจกต์ดี ๆ จากสตาร์ทอัพใหม่ ๆ เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่ว่ามีเพียงไม่กี่โปรเจกต์เท่านั้นประสบความสำเร็จ ทำให้การคัดเลือก ICO นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญหากต้องการลงทุนใน ICO

ในวันอังคารที่ 22 พฤษภาคม 2018 คอร์สอบรมด้าน Blockchain นาม Blockchain Business Executive Program โดยบริษัท Fivewhale ซึ่งมีค่าคอร์สที่ 89,000 บาท นาย Steven Pang นักลงทุน และ Advisor ใน ICO หลายโปรเจกต์ ซึ่งเป็นวิทยากรของงานได้กล่าวถึงวิธีการเลือก ICO ให้ได้ 20 ถึง 30 เท่าเช่นเขา

นาย Steven Pang ได้เผยถึงเกณฑ์ที่ใช้คัด ICO จนทำให้เขาได้กำไรเป็นกอบเป็นกำจากมันได้ โดยกฎข้อแรกคือไม่ลงในรอบ Crowd Sale เนื่องจากสามารถอาจทำให้ขาดทุนได้ง่ายมาก

“ผมไม่ลงทุนในรอบ Crowd Sale เนื่องจากผมจะไม่ได้โบนัส ซึ่งจริง ๆ แล้วโบนัสในตัวนั้นเป็นตัวป้องกันจากการเทขาย Dump ราคาให้ไม่ขาดทุน”

เขาเผยว่า ICO ตัวแรกที่เขาลองลงทุนพบกับการขาดทุน เนื่องจากเขาลงในรอบ Crowd Sale และเจอการเทขายทำให้เขาจึงได้เรียนรู้ว่าโบนัสนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

นอกจากนี้เขาได้ใช้เกณฑ์ตัวอื่นในการคัดเลือก เพ่ือให้ได้ ICO ที่มีคุณภาพดีจริง ๆ นาย Steven กล่าวว่า ICO ที่เขาเลือกต้องมีความเฉพาะตัวหรือ Unique

“ผมได้เรียนรู้จากการลงทุนใน ICO รอบแรกว่า ICO ที่มีคนสนใจเยอะนั้นต้องมีความเฉพาะตัว แต่ตัวแรกที่ผมลงทุนนั้น เป็น Decentralized Exchange ตัวที่สามของ Ethereum ซึ่งนั้นทำให้มีคนสนใจน้อยลง ทำให้กระแสของมันไม่แรงเท่าไรนัก”

หากใครได้ติดตามการลงทุนในคริปโตนั้น จะทราบว่ากระแสภายในชุมชุนคริปโตนั้นเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนราคาในตลาด

“เพราะฉะนั้นการเลือกโปรเจกต์อะไรก็ตามที่มีความเป็นเฉพาะตัว เช่น แพลตฟอร์มที่ Decentralized ในแบบต่าง ๆ นั้นมีโอกาสที่จะเป็นกระแสอย่างมาก”

ปัจจัยทั้งสองอย่างที่เขากล่าวมาเป็นปัจจัยหลักที่เขาเน้นย้ำว่าเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก แต่นอกจากปัจจัยหลักก็ยังมีปัจจัยปลีกย่อยอีกด้วย อาทิ

  • ความเข้าใจใน Whitepaper เวลาที่เราอ่าน Whitepaper แล้วต้องรู้สึกว่ามันเป็นไปตามหลักเหตุและผล หรือ Make Sense
  • มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เช่นพวก Protocol หรือ แพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งกำลังเป็นกระแสในตอนนี้
  • มี Advisor ที่มีความสามารถซ้ำเพิ่มคุณค่าให้กับโปรเจกต์นั้น ๆ ได้จริง ๆ ไม่ใช่แค่ใส่ชื่อไว้เฉย ๆ และต้องมี Hard Cap ที่ต่ำ เป็นต้น

“การที่ Hard Cap ต่ำแสดงให้เห็นว่า ถึงโอกาสในการเติบโตของโปรเจกต์นั้น ๆ หากเราถือเหรียญที่มูลค่าโดยรวมของมัน 10 ล้านดอลลาร์ การที่จะไป 100 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้ได้กำไร 10 เท่า ย่อมง่ายกว่าการถือถือเหรียญที่มูลค่าตลาดโดยรวม 100 ล้านดอลลาร์ แล้วเพิ่มไป 1,000 ล้านดอลลาร์”

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น