นาย Anton Rosenberg อดีตผู้บริหารโปรเจกต์พิเศษของ Telegram ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มเทรดคริปโตใหม่ ซึ่งมีความตั้งใจที่จะช่วยให้ราคาโทเคนของ Startup ด้าน Blockchain นั้นคงที่
อ้างอิงจากประกาศของนาย Rosenberg แพลตฟอร์มดังกล่าวมีนามว่า Mikado โดยจะให้บริการเป็น Solution ให้กับโปรเจกต์ต่าง ๆ ที่มีแผนในการระดมทุนแบบ ICO แต่ไม่อยากให้ราคาของโทเคนร่วงลงอย่างหนักในวันที่เปิดขายและนักลงทุนทุกคนเทขายกัน
เขากล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ Coindesk ว่า มีบริษัทมากมายที่กำลังระดมทุนแบบ ICO และดึงดูดนักลงทุนด้วยโบนัสหรือส่วนลด โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบของราคาที่ตามมาหลังจากที่ระดมทุนแบบ ICO เสร็จแล้ว
นาย Rosenberg อธิบายถึงหน้าของ Mikado ว่า:
“ในขณะที่ตลาดการเงินทั่ว ๆ ไปที่ผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (Underwriter) และผู้ดูแลสภาพคล่องในตลาด (Market Maker) ประสานงานช่วยบริษัทในการระดมทุน IPO ตลาด ICO นั้นไม่มีสถาบันไหน หรือกลไกอะไรมาช่วยวางแผนเรื่องสภาพคล่องของโทเคน โดย Mikado จะเข้าไปช่วยในส่วนนี้”
Mikado จะสร้างตราสารอนุพันธ์ (Derivative) สำหรับโทเคนที่ถูกล็อคอยู่ เช่นโทเคนที่ได้จากโบนัสสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในช่วงแรก ๆ ของโปรเจกต์ หรือโทเคนที่แจกจ่ายระหว่างพนักงานของโปรเจกต์นั้น ๆ เพื่อที่จะกระตุ้นให้พวกเขาทำงาน
โปรเจกต์สามารถที่จะย้ายโทเคนที่ถูกล็อคไปในบัญชี Escrow แบบพิเศษ จากนั้นนักลงทุนจะได้รับโทเคนสำหรับตราสารอนุพันธ์นาม Mikado Tokens (MKT) ซึ่งสามารถนำไปขายได้ หลังจากระยะเวลาการล็อคโทเคนครบกำหนด MKT Tokens จะถูกเผา และผู้ที่ครอบครองมันอยู่จะได้รับโทเคนตามจำนวนเท่าเดิมตามที่พวกเขาได้ลงทุนไในโปรเจกต์นั้น ๆ
นาย Rosenberg กล่าวว่า การล็อคโทเคนไว้ถือเป็นมทางเลือกที่ดี แต่ยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าไรนัก:
“พวกเขาสามารถวางแผนที่จะล็อคไว้ในหลาย ๆ ช่วงเวลาได้ และค่อย ๆ ปล่อยโทเคนเหล่านั้นเข้าสู่ตลาด เพื่อควบคุมปริมาณการเทรดของโทเคน ซึ่ง Mikado จะเป็นเครื่องมือที่สามารถสร้าง Economy ของ Commodity ที่มั่นคงได้ ในตลาดคริปโต”
อ้างอิงจาจกนาย Andrey Nayman ผู้บริหารของ Mikado อย่างไรก็ตาม Mikado ไม่ได้วางแผนที่จะระดมทุนแบบ ICO สำหรับโทเคนของพวกเขาเอง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้โทเคน MKT ถูกพิจารณาว่าเป็นสินทรัพย์
ตอนนี้โปรเจกต์ดังกล่าวกำลังยื่นขอสิทธิบัตรสำหรับเทคโนโลยี Distributed Ledger หรือ DLT ที่ Gibraltar อยู่ หลังจากนี้บริษัทมีแผนที่จะลงทะเบียนกับ SEC ของสหรัฐฯ
ที่มา Coindesk
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น