ผู้ให้บริการขุดเหมืองผ่านระบบ cloud หรือที่เรียกว่า cloud mining นามว่า HashFlare ได้ประกาศหยุดให้บริการตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้ และจะทำการปิดเครื่องขุดสำหรับผู้เช่าสัญญาเหรียญอัลกอริทึ่ม SHA-256 (เช่น Bitcoin) เนื่องมาจากปัญหาด้านการขาดทุน
HashFlare นั้นเป็นผู้ให้บริการด้านแพลทฟอร์ม Cloud mining ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2013 การขุดเหรียญคริปโตผ่านระบบ cloud mining คือการที่ผู้ให้บริการตั้งเครื่องขุดไว้ในโกดัง และผู้ที่ต้องการขุดเหรียญคริปโต แต่ไม่มีทุนในการซื้อเครื่อง หรือไม่อยากมีภาระที่ต้องดูแลรักษาเครื่องสามารถเข้าไปใช้บริการได้โดยการซื้อกำลังขุดกับผู้ให้บริการ และจะได้เหรียญคริปโตตอบแทนเป็นจำนวนสัดส่วนจากแรงขุดที่ซื้อไป
รายงานเผยถึงการตัดสินใจในการปิดให้บริการดังกล่าวว่ามาจากความยากลำบากในการทำกำไรในช่วงตลาดขาลง โดยอ้างอิงจากคำพูดของทาง HashFlare นั้น รายได้จากการขายสัญญาขุดต่อเดือนของผู้ใช้งานล่าสุดต่ำกว่าค่าธรรมเนียมการให้บริการ ส่งผลทำให้เมื่อหักลบรายได้กับค่าธรรมเนียมแล้ว ลูกค้าของพวกเขาไม่มีรายได้เลย โดยเมื่อวันที่ 18 ที่ผ่านมานั้น การจ่ายเงินปันผลให้กับลูกค้านั้นต่ำกว่าค่าธรรมเนียมมาแล้วเป็นเวลาถึง 28 วัน ทางบริษัทกล่าวว่า
“ทางเราได้พยายามทุกวิถีทางแล้วในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ทางเราได้พิจารณาถึงหนทางการแก้ปัญหาเชิงเทคนิค ที่จะให้เราสามารถลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและค่าไฟฟ้า…เมื่อการขุด Bitcoin นั้นยังส่งผลทำให้เราขาดทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ ทางเราจึงต้องขอประกาศว่าวันที่ 18 กรกฎาคม 2018 ทางเราจะทำการปิดอุปกรณ์ขุด SHA และในวันนี้ วันที่ 20 กรกฎาคม 2018 ทางเราจะหยุดให้บริการซื้อสัญญาสำหรับ SHA-256”
ที่น่าสนใจคือเมื่อวานนี้ทาง HashFlare ได้ออกมาประกาศว่าทางผู้ใช้งานนั้นจะต้อง “ทำการยืนยันตัวตน” ก่อน เพื่อที่จะให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย KYC และการป้องกันการฟอกเงิน โดยอ้างว่าผู้ใช้งานจะสามารถ “ถอนเงินขั้นต่ำรายวันได้สูงขึ้น”
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น