ท่ามกลางกระแสการเปิดเว็บเทรดคริปโตในประเทศไทยในปี 2018 ล่าสุด ได้มีเว็บเทรดคริปโตนาม Seadex ได้เริ่มเข้ามาสู่ตลาดคริปโตในประเทศไทยเช่นกัน
เว็บเทรด Seadex มีที่ปรึกษาที่มากประสบการณ์ทั้งด้านการลงทุน เช่น ดร.สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ซึ่งเป็นอดีตประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และยังมีพาร์ทเนอร์ที่น่าสนใจเช่น Lbank ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่มีชื่อเสียงระดับโลกอีกด้วย
Seadex มีโทเคนของตนเองนาม SEAD ซึ่งมีหน้าที่เพื่อลดค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม ซึ่งปัจจุบันถุกลิสต์ขึ้นบนเว็บเทรดคริปโต Hotbit และ LBankดีไซน์และความง่ายต่อการใช้งาน
เว็บเทรด Seadex ใช้ดีไซน์สีขาวเขียวเป็นหลัก คาดว่าสีเขียวอาจสื่อถึงกราฟสีเขียวที่จะแสดงเวลาเหรียญนั้นๆ มีราคาเพิ่มขึ้น ส่วนสีขาวทำให้ตัดกับสีเขียวดูง่ายสบายตา
ขั้นตอนการสมัครหรือเปิดบัญชีตามปกติเช่นเว็บเทรดอื่น ๆ แต่ดูเหมือนว่า รหัสผ่านจะไม่สามารถใช้สัญลักษณ์พิเศษได้ ซึ่งอาจไม่สะดวกสำหรับผู้ใช้งานหลายคนที่มีรหัสผ่านเป็นสัญลักษณ์พิเศษ
หลังจากที่สมัครสมาชิกเรียบร้อย จำเป็นต้องทำการยืนยันตัวตนหรือ KYC เช่นเดียวกับเว็บเทรดอื่น ๆ ซึ่งขั้นตอนคล้ายเว็บเทรดอื่น ๆ พร้อมทั้งมีฟีเจอร์ที่บอกอีกด้วยว่าเหลืออีกกี่คิวถึงจะถึงคิวการยืนยันของเรา
ในด้านของการช่วยเหลือหรือการ Support ไม่มี Live Chat บนเว็บไซต์ มีเพียงช่อง FAQ สำหรับค้นหาคำถามที่เจอบ่อย หากต้องการความช่วยเหลือแบบ Real-Time ผู้ใช้งานจำเป็นต้องติดต่อทาง Telegram และ Facebook ของพวกเขา
ในเว็บไซต์พร้อมทั้งมีภาษาทั้งอังกฤษ, ไทย และจีนให้เลือก เพื่อรองรับผู้ใช้งานในแถบเอเชีย และสามารถเปลี่ยนราคาของคริปโตให้แสดงผลเป็นเงินบาทหรือเงินดอลลาร์ได้
ในส่วนของการดีไซน์ของกราฟในหน้าซื้อขาย มีขนาดกราฟที่ค่อนข้างใหญ่ ดูง่าย เหมาะแก่ผู้ที่ต้องการวาดกราฟ หรือไม่อยากเพ่งกราฟขนาดเล็ก ๆ
ซื้อขาย
การซื้อขายนั้นใช้งานเช่นเดียวกันเว็บเทรดคริปโตอื่น ๆ แต่มีฟีเจอร์ที่แตกต่างจากเว็บเทรดในไทยคือ สามารถเลือกได้ว่าจะซื้อหรือขายกี่เปอร์เซ็นต์ ทำให้ไม่จำเป็นต้องคำนวณปริมาณที่ต้องการซื้อหรือขายเองอีกรอบ ส่งผลให้แบ่งไม้ในการลงทุนง่าย
ปัจจุบัน มีคู่เทรดอยู่หลายคู่ด้วยกัน โดยจะมี THB, BTC, ETH และ USDT เป็นตัวหลัก และมีคู่เทรดแบ่งย่อยไปตามสกุลหลัก ๆ เช่น BTC/USDT, ETH/USDT, DAX/USDT และ THB/ USDT
คู่ THB สามารถเทรดได้เพียง BTC/THB และ ETH/THB เท่านั้น หรือโดยภาพรวมแล้วเว็บเทรดรองรับ THB, USDT, BTC, ETH, LTC, DAX และ SEAD
เว็บเทรดดังกล่าวเก็บค่าธรรมเนียมในการซื้อขายที่ 0.2 เปอร์เซ็นต์ และ 0.16 เปอร์เซ็นต์ หากจ่ายด้วยเหรียญ SEAD
ฝากถอนเงินบาท/ คริปโต
ในส่วนของการฝากถอนเงิน เว็บเทรด Seadex รองรับหลากหลายธนาคารตามาตรฐานปกติ ซึ่งอ้างอิงจากเว็บไซต์ พวกเขาเคลมว่า หากฝากในระยะเวลา 09.00 น. ถึง 22.00 น. จะเพิ่มเงินเข้ามาในบัญชีภายใน 3 ชั่วโมง และมีขั้นต่ำในการฝากที่ 100 บาท
ส่วนการถอนคริปโตนั้นมีขั้นต่ำที่ค่อนข้างสูงกว่าปกติ อ้างจากเว็บไซต์ของพวกเขา มีขั้นต่ำในการถอน Bitcoin ที่ 0.01 BTC และมีค่าธรรมเนียมในการถอน 0.0005 BTC ซึ่งหากเทียบกับราคา Bitcoin ในขณะที่รายงานอยู่นี้ จะมีมูลค่าเป็น 105 บาท
กิจกรรม
อ้างอิงจาก Press Release ของ Seadex ปัจจุบันพวกเขาได้มีกิจกรรมแจกเหรียญเป็นจำนวน 6 SEAD หรือมูลค่าเกือบ 3 ดอลลาร์ หากอ้างอิงราคา Seadex ในขณะที่รายงานอยู่นี้ สำหรับผู้ที่สมัครสมาชิกผ่าน Referral โดยตามนโยบายของ Seadex พวกเขาจะแบ่งค่าธรรมเนียมจากการเทรด 20 เปอร์เซ็นต์ของผู้ถูกชวนให้กับผู้ที่ชวน และกิจกรรมจะสิ้นสุดเมื่อสิ้นปี 2018
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมแข่งกันชวนเพื่อน และกิจกรรมแชร์โพสต์ที่อยู่ในช่วงอยู่กิจกรรมในตอนนี้ โดยผู้ที่แชร์โพสต์ที่ระบุไว้ของกิจกรรมมีสิทธิที่จะได้รับ 150 SEAD หากทำตามขั้นตอน และจะสิ้นสุดในวันที่ 17 สิงหาคมที่จะถึงนี้
ความปลอดภัย ความโปร่งใส
เว็บเทรด Seadex มีความปลอดภัยที่ค่อนข้างรัดกุม เช่นการป้องกันพื้นฐานอย่าง Two-factor Authentication พร้อมทั้งมีระบบ Fund Password หรือรหัสผ่านสำหรับการซื้อ หรือขายโดยเฉพาะ ให้ตั้งค่าแยก เพื่อป้องกันอีกชั้นหนึ่งอีกด้วย
นอกจากนี้พวกเขายังเคลมว่า มีทีมวิศวกรจาก LBank ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเทรดอันดับที่ 7 ของโลกมาพัฒนาระบบของเว็บเทรด Seadex อีกด้วย
สภาพคล่อง
ในส่วนของสภาพคล่องนั้น นับว่าค่อนข้างเยอะในทุกสกุลหลัก ๆ ยกเว้น THB หากเปรียบเทียบกับเว็บเทรดอื่น ๆ ในไทยแล้ว ก็นับว่ามีสภาพคล่องที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ซึ่งในอนาคตคาดว่าหากขยายมาที่ไทย จะมีสภาพคล่องในเว็บคู่ THB มากขึ้น
สรุป
โดยภาพรวมแล้วเว็บเทรดดังกล่าวมีพื้นฐานที่ค่อนข้างดีในด้านของความปลอดภัย, ทีมงานที่อยู่เบื้องหลัง, สภาพคล่อง แต่ติดตรงค่าธรรมเนียมและขั้นต่ำที่ในการถอนทั้งเงินบาทและคริปโตที่สูงกว่าเว็บเทรดอื่น ๆ เป็นอย่างมาก ซึ่งอาจทำให้มือใหม่ที่มีทุนไม่มาก เข้ามาเทรดในเว็บนี้ได้ยากขึ้น และสภาพคล่องของ THB ในปัจจุบันนั้นแทบไม่มีเลย แต่นับว่าเป็นข้อดีตรงส่วนที่สามารถซื้อ USDT ด้วยเงินบาทได้
พร้อมทั้งในส่วนของ Interface มีมูลค่าประมาณราคาคริปโตที่แสดงเป็นเงินดอลลาร์และ เงินบาทอีกด้วย ทำให้ไม่จำเป็นต้องเปิดเทียบหลายที่อีกด้วย
นอกจากนี้พวกเขายังเคลมว่าจะพัฒนาระบบของเขาให้เป็น Decentralized Exchange ในอนาคตอีกด้วย
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น