<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เทคโนโลยี Blockchain จะแก้วิกฤติปริญญาบัตรปลอมของมหาวิทยาลัยในขณะนี้ได้อย่าไร ?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

โดยปกติ เราอาจจะเคยคุ้นชินแต่การนำเทคโนโลยี Blockchain มาประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมการเงิน เช่นนวัตกรรมอย่าง Cryptocurrency ที่ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ตัวกลางในการทำธุรกรรมออนไลน์ แต่ความเป็นจริงแล้ว Blockchain มีประโยชน์ และสามารถนำไปใช้ได้กับหลากหลายอุตสหากรรม เช่นการดูแล Supply Chain, การเลือกตั้ง หรือแม้กระทั่งปัญหาที่มหาวิทยาลัยทั่วโลกกำลังประสบปัญหาอยู่ก็ตาม

 

การปลอมปริญญาบัตร

ปัญหาของการปลอมปริญญาบัตร หรือใบปริญญานั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ตราบใดที่บริษัท หรือหน่วยงานต่าง ๆ ในตลาดยังคงจำเป็นต้องใช้ใบรับรองดังกล่าวอยู่ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีการปลอมแปลงเกิดขึ้น

โดยปกติแล้ว การได้ใบปริญญามานั้น ผู้เรียนจำเป็นต้องศึกษาอยู่ที่สถาบันต่าง ๆ ตั้งแต่ 4 ถึง 6 ปีด้วยกัน กว่าจะฝ่าฝันความยากลำบากและได้ใบปริญญามา แต่ผู้ที่ทำการปลอมปริญญานั้นจะสามารถสั่งทำปริญญาบัตรได้ด้วยเงินเลย ซึ่งจะสามารถเลือกได้ว่า อยากเรียนจบที่คณะไหน หรือว่าเรียนจบโดยมีเกรดเท่าไร

ปัญหาดังกล่าวอาจจะฟังดูเล็ก แต่จริง ๆ แล้วมันส่งผลกระทบต่อสังคมเราเป็นอย่างมาก นอกจากการปลอมปริญญาบัตรจะทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมทางการศึกษาแล้ว (คนหนึ่งศึกษาอย่างยากลำบาก 4 ปีกว่าจะได้มา อีกคนแค่จ่ายเงินละรอรับใน 1 สัปดาห์) ยังก่อให้เกิดความไร้ประสิทธิภาพของแรงงานในประเทศอีกด้วย ซึ่งจะส่งผลไปยังบริษัทที่ได้รับความเสียหาย หากจ้างผู้ที่ปลอมปริญญาบัตร เพราะว่าไม่มีความรู้ และความสามารถเท่าที่ควร

นอกจากนี้ ปัญหาดังกล่าวก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัว หรือเกิดขึ้นได้ยากเลย เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2017 ก็ได้มีการเปิดโปงขบวนการปลอมวุฒิการศึกษาเช่นกัน ซึ่งในแหล่งข่าวจากโพสต์ทูเดย์ระบุไว้ว่า มีใช้บริการแล้วไม่ต่ำกว่า 100 รายอีกด้วย รวมทั้งยังมีผู้ที่ถูกหลอกเงินไปด้วยก็มี

ไม่ใช่เพียงแค่ประเทศไทยเท่านั้นที่เคยเจอปัญหานี้ อ้างอิงจาก Times Colonist ก็มีรายงานเมื่อปีนี้ว่า มีบริษัทที่ปากีสถานขายใบปริญญาบัตรปลอมทำเงินไปได้จำนวนหลายพันล้านปอนด์ โดยการปลอมแปลงนั้นแนบเนียนมาก ๆ ขนาดที่ว่า ผู้ตรวจสอบไม่สามารถแยกได้ออก และมหาวิทยาลัยในอังกฤษกว่า 20 แห่งเปลี่ยนระบบเป็นให้ปริญญาบัตรแบบออนไลน์ซึ่งทำให้การปลอมแปลงเป็นไปได้ยากขึ้น

 

 

Blockchain จะเข้ามาแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร

เทคโนโลยี Blockchain นั้นมีข้อดีตรงที่ เมื่อทำการเก็บข้อมูลอะไรลงไปในนั้นจะเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะเปลี่ยนแปลงข้อมูลนั้น หากคนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย และยังเป็นการเก็บข้อมูลที่ไม่มีตัวกลาง รวมทั้งข้อมูลยังมีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลาอีกด้วย

จากข้อดีนี้ เราจะสามารถนำมันมาประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยี Blockchain ได้ โดยการนำข้อมูลเอกสารรับรองการศึกษาต่าง ๆ มาบันทึกลงไปใน Blockchain ไม่จำเป็นต้องเป็นแค่ใบปริญญา อาจเป็น ใบรับรอง TOEIC, TOEFL หรือ IETLS ก็เป็นได้

ด้วยวิธีนี้มหาลัยที่นำ Blockchain มาใช้จะสามารถป้องกันผู้ที่ต้องการปลอมแปลงปริญญาบัตร รวมทั้งยังได้รับชื่อเสียง และความไว้วางใจจากบริษัทต่าง ๆ อีกด้วยว่า นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยนี้จะไม่มีใบปริญญาปลอมแน่นอน ซึ่งวินวินทั้งคู่

อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยจำเป็นต้องทำการเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ในการเก็บข้อมูลของพวกเขาใหม่ทั้งหมด ซึ่งในประเทศไทยอย่าง KMUTT เองก็เพิ่งมีประกาศมาเช่นกันว่า จะนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในการกับเอกสารรับรองทางการศึกษา หรือมหาวิทยาลัยต่างประเทศเช่น Woolf University ก็หันมาใช้ Blockchain อย่างเต็มตัวแล้วเช่นกัน ซึ่งคาดหวังว่าจะมีมหาวิทยาลัยตามมาอีกมากในอนาคต และหลาย ๆ อุตสาหกรรมจะเริ่มนำ Blockchain ไปใช้แพร่หลายยิ่งขึ้นไปอีก

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น