<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Bitcoin เหรียญคริปโตที่เปิดโลกใหม่ที่เราได้แต่จินตนาการไว้ว่าอยากให้มันเป็นจริง

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของความคิดเห็นของคุณ Mike Belshe ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ BitGo ความคิดเห็นนี้เป็นส่วนหนึ่งของบทความ Coindesk เรื่อง Bitcoin at 10: “The Satoshi White Paper”


นับว่าเป็นช่วงเวลา 10 ปีแล้วนับตั้งแต่ Bitcoin White Paper ได้ปล่อยออกมาและเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกของเรา การเปิดตัวของสกุลเงินดิจิตอลที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งอำนาจจากส่วนกลางได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงความเข้าใจของเราเกี่ยวกับเงินเป็นอย่างมาก ในตอนนี้เรามีโอกาสมากกว่าเดิมที่จะเข้าถึงระบบเศรษฐกิจแบบดิจิตอลและตัวเราเองทำหน้าที่เป็นธนาคารเสียเองซึ่งทำให้เรามีเสรีภาพทางการเงินมากกว่าเดิม มันน่าทึ่งที่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้เพิ่งเกิดขึ้นมาได้เพียงแค่ทศวรรษที่ผ่านมานี้เอง ผมยอมรับว่าครั้กแรกที่ได้อ่าน White Paper ผมเกิดความสงสัยเกี่ยวกับบางเรื่องที่อยู่ในนั้น เช่น เรื่อง double spending ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยนับว่าเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขมาก่อน ความซับซ้อนของการขุด โหนด block rewards และ proof-of-work ทำให้เครือข่ายดูเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ครั้งที่สองที่ผมกลับมาอ่านมันอีกครั้งผมรู้สึกสนใจมันมากยิ่งขึ้น เครือข่ายที่ซับซ้อนนี้จะสามารถคำนวณการทำธุรกรรมมากมายที่ปรากฏอยู่บนโลกนี้ได้จริงหรือ? และเมื่อได้อ่านมันเป็นครั้งที่สามผมก็รู้ว่า Bitcoin มันควรค่าแก่การลงทุนจริง ๆ และนี่คือเหตุผลว่าทำไมผมจึงเห็นเช่นนั้น

Bitcoin เปิดโลกทัศน์ของเราว่าจริง ๆ แล้วเราสามารถเปลี่ยนแปลงระบบการเงินได้

คนส่วนใหญ่ไม่เคยคิดว่าเงินคืออะไร อะไรที่ทำให้ได้เงิน เราถูกสอนมาว่าระบบการเงินแรกเริ่มมันเกี่ยวข้องกับระบบของการแลกเปลี่ยนแต่ทำไมล่ะ แล้วมันเกี่ยวยังไง แล้วดิจิตอลสามารถสร้างเงินที่ดีกว่าได้หรือเปล่า ผมก็ได้หาคำตอบเกี่ยวกับคำถามที่ได้ตั้งขึ้นในใจหลังจากศึกษาเกี่ยวกับ Bitcoin แล้วก็ค้นพบว่ามันทำได้ เราสามารถสร้างเงินที่ดีกว่าเดิมขึ้นมาได้

เงินดิจิตอลที่สำคัญสกุลแรก

White Paper แสดงให้เห็นถึงความเป็นอิสระในการที่จะควบคุมทรัพย์สินของคุณเอง และเมื่อเกิด Bitcoin ขึ้นมา เงินของคุณจะเป็นเงินของคุณจริง ๆ

การประทับตราเวลา

การแก้ปัญหา double-spend ของ Bitcoin คือการยืนยันความเป็นเจ้าของในทุก ๆ ชิ้นส่วนของข้อมูล การเผยแพร่การทำธุรกรรมที่ผ่านการยืนยันแล้วและประทับเวลาไว้ที่ public ledger ทำให้เงินไม่สามารถถูกคัดลอกไปได้

มีการล็อคและปลดล็อคข้อมูลส่วนตัวที่ดีกว่า

การใช้ cryptographic keys and locks ทำให้ข้อมูลส่วนตัวของเรามีความปลอดภัยขั้นสูงสุดและไม่สามารถถูกเจาะหรือแฮ็คเข้ามาได้ 256-bit random number หรือที่เราเรียกกันว่า “private key” มันดีกว่ากุญแจปกติที่เราใช้อยู่ เพราะ private key ทำให้เราไม่จำเป็นต้องใช้กุญแจหรือล็อคที่แน่นหนากว่านี้อีกแล้ว ปัญหาคือจะทำอย่างไรให้ผู้ใช้งานมี interface ที่ดีพอเพื่อให้พวกเขาสามารถที่จะจัดการกับกุญแจของเขาได้อย่างปลอดภัยและสะดวก อย่างไรก็ตาม BitGo ก็เข้ามาแก้ปัญหานี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยการสร้าง multisignature keys คือ UI/UX

Private Key 2.0

การนำ Bitcoin ไปใช้ประโยชน์สาธารณะที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ public key infrastructure (PKI) เป็นการนำไปใช้ยืนยันตัวตนของผู้ใช้งานและอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรม จริง ๆ แล้วมีการใช้ PKI มาตั้งแต่ปี 1970s ก่อนเกิด Bitcoin แต่การนำไปใช้ที่สำคัญคือการยืนยันความปลอดภัยของ domain names เช่น HTTPS (หรือ SSL/TLS)

ไม่จำเป็นต้องใช้บุคคลที่สาม

ประวัติศาสตร์แสดงให้เราเห็นว่าระบบที่พึ่งพาบุคคลที่สามก่อให้เกิดความล้มเหลว Satoshi รับรู้ถึงปัญหานี้จึงได้คิดค้นโปรโตคอลที่กำจัดบุคคลที่สามที่ทำให้ภาระต้นทุกหนักขึ้นออกไปจากระบบการเงินดิจิตอล แม้จะมีคนกลางที่เชื่อถือได้เข้ามาอยู่ในระบบแต่มันก็มีความเสี่ยงที่คู่สัญญาอาจไม่ทำตามหน้าที่ที่ตนผูกพันกับผู้ใช้งาน เพราะมันขึ้นอยู่กับการทำธุรกรรมที่เสร็จสมบูรณ์ซึ่งมีโอกาสผิดพลาด ตัวอย่างเช่น Credit Card มันสร้างความเสี่ยงให้กับเราแล้วก็ให้เราจ่ายค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเพื่อปกปิดความเสี่ยง Bitcoin เข้ามากำจัดองค์กรเหล่านี้ออกไป

ขจัดอัตราเงินเฟ้อที่มนุษย์สร้างขึ้น

อัตราเงินเฟ้อเกิดขึ้นจากการที่มีการพิมพ์ธนบัตรออกมามากเกินไป แต่ Bitcoin มันเป็น fixed supply ซึ่งขจัดอำนาจของส่วนการในการพิมพ์ เพราะฉะนั้นเงินของคุณจะไม่ถูกควบคุมโดยส่วนกลางอีก ตามประวัติศาสตร์ มนุษย์เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจล่มสลาย แล้วคอมพิวเตอร์จะเข้ามาป้องกันการล่มสลายทางเศรษฐกิจได้หรือไม่ ส่วนตัวผมคิดว่าทำได้

เงินสำหรับระบบเศรษฐกิจโลก

คริปโตเคอร์เรนซี เป็นการพาณิชย์รูปแบบใหม่ ซึ่งเราไม่เคยมีระบบการเงินที่สามารถโอนเงินข้ามพรมแดนอย่างง่ายดายเช่นนี้มาก่อน Bitcoin ทำให้เราสามารถติดต่อหรือทำธุรกรรมข้ามเขตแดนก่อให้เกิดระบบเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ ทาง BitGo ของเราก็ให้บริการแก่ลูกค้ามากกว่า 50 ประเทศที่ใช้ Bitcoin

ให้อำนาจแก่ปัจเจกบุคคล

Bitcoin ให้เสรีภาพอย่างเต็มที่แก่ทางเลือกทางการเงิน การเข้าถึงและการใช้งานเป็นไปอย่างประชาธิปไตย ดังนั้นผู้คนในพื้นที่ใด ๆ ก็ตามสามารถเข้าถึง Bitcoin ได้ Bitcoin เข้ามาทำให้ระบบทางการเงินของเราดีขึ้น เพราะมันเข้ามาแก้ปัญหาระบบการธนาคารแบบดั้งเดิมของเรา ความเคลื่อนไหวจากทั่วโลก การยืนยันตัวตน และเงินทดแทนคือสิ่งที่เป็นปัญหาในอดีต

คอมพิวเตอร์ที่ทำตามกฎเกณฑ์

เนื่องจากว่ามนุษย์ไม่ค่อยทำตามกฎเกณฑ์เท่าใดนัก แตกต่างจากคอมพิวเตอร์เมื่อตั้งค่าให้ทำตาม มันก็จะทำตามโดยไม่บิดเบือนซึ่งทำให้ระบบเศรษฐกิจมีความเสถียร เมื่อระบบการเงินแบบใหม่นั้นเกิดขึ้นก็จำเป็นที่จะต้องมีที่เก็บที่ปลอดภัยและ BitGo ก็พัฒนาเพื่อการนี้ ผมเองเก็บ Bitcoin ให้เพื่อนบน air-gapped laptop ที่อยู่ในห้องนั่งเล่นของผม พอเมื่อผมเก็บ Bitcoin มากยิ่งขึ้นยิ่งทำให้ผมตระหนักได้ว่าต้องมีที่เก็บที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้น BitGo จึงพัฒนา multi-signature protocol ขึ้นมาตามมาด้วย multi-user protocol ซึ่งมีนโยบายด้านความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ถ้าคุณบอกเรื่องเหล่านี้กับผมในปี 2012 ในตอนที่ผมเพิ่งอ่าน White Paper ครั้งแรกผมอาจจะจบลงที่ถือ Bitcoin อยู่มากกว่าล้านดอลลาร์ ซึ่งจะนำไปสู่การที่ผมต้องหาทางเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่ากว่าล้านดอลลาร์สหรัฐให้มันปลอดภัย  ผมจินตนาการไม่ออกเลย สิบปีให้หลังจากที่ Bitcoin White Paper ปล่อยออกมา โลกของเราก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ แต่อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น

ที่มา Coindesk

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น