<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

การ Tokenize คืออะไร: เมื่อคุณสามารถแปลงที่ดินเป็นเหรียญดิจิทัล และแบ่งให้คนอื่น ๆ ถือครองได้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อคุณลองอ่าน Whitepaper ของโปรเจกต์ ICO ต่าง ๆ ก็อาจจะเคยเห็นคำว่า Tokenization ผ่าน ๆ ตามาบ้าง และคำนี้เหมือนจะเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นพร้อมกระแสคริปโต แต่รู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้ว Tokenization นั้นแปลว่าอะไร เราจะมาอธิบายมันแบบง่าย ๆ ในบทความนี้

Tokenization คืออะไร ?

Tokenization แปลว่าการทำให้สินทรัพย์ต่าง ๆ กลายไปอยู่ในรูปแบบโทเคน หรืออธิบายง่าย ๆ คือกระบวนการในการสร้างตัวแทนในรูปแบบดิจิทัลของสิ่งนั้น ๆ ขึ้นมา ยกตัวอย่างเช่น การ Tokenization รถยนต์ ก็คือการสร้างโทเคนของรถยนต์ขึ้นมา และจะมีกลไกที่บ่งอย่างเฉพาะตัวที่ระบุว่าโทเคนนี้มีมูลค่าเท่ากับรถยนต์คันนั้น

การ Tokenization นั้นมีข้อดีอยู่หลากหลายประการ เช่นจะทำให้สิ่งของ หรืออะไรก็ตามสามารถแบ่งย่อยลงไปให้เล็กลงอีกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่นการ Tokenize รถยนต์, บ้าน หรือสินทรัพย์อื่น ๆ ให้สามารถซื้อขายความเป็นเจ้าของได้ในระดับที่ย่อยลง ไม่ต้องซื้อเป็นคัน โดยการซื้อโทเคนของรถยนต์นั้นมาแทน

ทำไมคำนี้ถึงมีความเกี่ยวข้องกับคริปโต และ Blockchain ?

แต่เดิมแล้วการ Tokenization นั้นเป็นไปได้ค่อนข้างยากเพราะว่า ข้อมูลต่าง ๆ ในอินเทอร์เน็ทนั้นสามารถคัดลอกได้ ยกตัวอย่างเช่นทำการส่งไฟล์งานไปให้เพื่อน ไฟล์เหล่านั้นก็ยังคงอยู่ในเครื่องคอมของเราไม่ได้หายไปไหน เมื่อใช้ใน Tokenization ก็ทำให้โทเคนที่สร้างขึ้นมานั้นอาจสามารถถูกคัดลอกได้ ทำให้โทเคนบนระบบนั้นไม่ค่อยมาความน่าเชื่อถือมากนัก

แต่เมื่อเทคโนโลยี Blockchain ถือกำเนิดขึ้นมา ทำให้ข้อมูลนั้นมีความเฉพาะตัวมากขึ้น ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ไม่สามารถโกงได้ ส่งผลให้การ Tokenization สามารถนำมาใช้งานได้มากขึ้น เพราะว่าทุกโทเคนที่สร้างขึ้นมานั้นมีความเฉพาะตัว ด้วยการนำตัวแทนของสิ่งนั้นไปที่อยู่ในรูปดิจิทัลไปเก็บไว้ใน Blockchain แทนระบบเซิฟเวอร์ปกติ

Tokenize หลักทรัพย์

สินทรัพย์ในทีนี้นั้นรวมไปถึงหุ้นหรือ Equity ต่าง ๆ ด้วยจากเดิมที่เวลาซื้อหุ้นจะจำเป็นต้องซื้อทีเดียวทั้งหุ้น พอนำหุ้นไป Tokenize ทำให้สามารถแบ่งย่อยหุ้นนั้นได้ต่อ ในปัจจุบันบางหุ้นเช่นของ Amazon นั้นมีมูลค่าสูงทำให้การที่จะเข้าซื้อหุ้นนึงนั้นเป็นไปได้ยากสำหรับนักลงทุนรายย่อย

การ Tokenization นั้นทำให้เกิดอีกสิ่งต่อยอดที่เรียกว่า STO (Security Token Offering) ซึ่งคล้าย ๆ กับการระดมทุน ICO แต่ว่านักลงทุนจะได้รับการคุ้มครองมากกว่า เนื่องจากโปรเจกต์ที่ต้องการระดมทุนต้องผ่านขั้นตอนตรวจสอบทางกฎหมายมากมาย ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้เขียนบทความเกี่ยวกับ STO ไว้ให้อ่านแล้ว

เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลัง

เทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมในการนำมาใช้ใน Tokenization คือ ERC-721 ซึ่งเป็นมาตรฐานของ Ethereum เพราะว่ามาตรฐานดังกล่าวจะทำให้สร้างโทเคนทีมีความเฉพาะตัวขึ้นมาได้ ซึ่งหากใครต้องการที่จะ Tokenize สิ่งไหนก็แค่ใช้มาตรฐานนี้สร้างโทเคนขึ้นมา ก็เป็นอันเรียบร้อยไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ก็สามารถสร้างโทเคนได้แล้วบน Blockchain ระดับโลกอย่าง Ethereum

มุมมองในอนาคต

นอกเหนือจากสินทรัพย์ที่จับต้องได้แล้ว ยังสามารถแปลงสินทรัพย์ที่จับไม่ได้เช่น พลังงาน, ชื่อเสียง หรือแม้กระทั่งสิทธิทางปัญญาให้อยู่ในรูปแบบโทเคนได้ด้วย

ในปัจจุบันเราไม่สามารถทราบได้เลยว่า ดาราหรือคนดัง ๆ ที่เห็นกันบ่อย ๆ ในทีวีนั้น จริง ๆ แล้วชื่อเสียงของพวกเขามีมูลค่าเท่าไร ก่อนหน้านี้ ผู้ก่อตั้งของเว็บเทรดคริปโตในไทยอย่าง Bitkub ก็ได้ออกมาย้ำถึงเรื่องนี้เช่นกันว่า:

“ในปัจจุบัน เรารู้หรือไม่ครับว่า ชื่อเสียงของดาราเช่น อั้ม พัชราภา หรือนักฟุตบลอชื่อดังอย่างนาย Cristiano Ronaldo นั้นมีมูลค่าเท่าไร ในอนาคตเราจะสามารถทำให้ชื่อเสียงเหล่านั้นอยู่ในรูปแบบดิจิทัลหรือโทเคนได้แล้ว (Tokenization)”

นายจิรายุส ได้ทำนายยกตัวอย่างด้วยว่าการ Tokenization นั้นไม่ใช่เรื่องไกลตัว ในทางกลับกันมันจะมีบทบาทเป็นอย่างมากในอนาคตอันใกล้นี้

“World Economic Forum ได้ประมาณการณ์ว่าภายในปี 2025 10 เปอร์เซ็นต์ของ GDP ทั้งโลกจะอยู่ใน Blockchain เพราะฉะนั้นเราจะ Digitalize ได้หลายอย่างมากขึ้นไม่ใช่หยุดแค่ตราสารหนี้, หุ้น, เพชร หรือทองอีกต่อไป”

ความเป็นไปได้

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การ Tokenization นั้นจะมีข้อดีอยู่มากมายหลายประการ แต่ด้วยความที่มันทำงานอยู่บน Blockchain ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เพิ่งถือกำเนิดได้ไม่นานเท่านั้น ทำให้มันยังมีปัญหาด้านต่าง ๆ เช่นการ Scaling ที่ยังคงไม่สามารถรองรับการทำธุรกรรมสำหรับผู้ใช้จำนวนมากได้เป็นต้น ทำให้การใช้งานโทเคนต่าง ๆ บน Blockchain และการ Tokenization นั้นยังไม่แพร่หลายเท่าที่ควร

หากให้เปรียบเทียบมันก็คงเหมือนกับเทคโนโลยีทุก ๆ อย่างที่ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ตัวมันเอง ว่าศักยภาพพอที่จะเข้ามา Disrupt ระบบเดิม ๆ มากแค่ไหน แต่โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนมีความเชื่อว่า Blockchain คือนวัตกรรมยุคต่อไปที่จะนำพา และเปลี่ยนแปลงโมเดลต่าง ๆ ตั้งแต่การใช้ชีวิตประจำวัน ไปยังโมเดลธุรกิจไปตลอดกาล ตอนนี้ติดอยู่แค่ว่าจะมี Solution ไหนเด่น ๆ ซักตัวหรือไม่ที่จะกลายเป็น Mainstream เช่นเดียวกับยุคอินเทอร์เน็ทที่มี Google, Facebook และ Amazon

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น