ในช่วงปี 2018 ประเด็นของ Bitcoin ETF นั้นได้รับการถกเถียงและพูดถึงกันอย่างหนาหูว่ามันจะมีศักยภาพขนาดไหน หรือมันจะเข้ามาช่วยวงการคริปโตได้อย่างไร ซึ่งทาง SEC หรือก.ล.ต. สหรัฐฯ ได้ปฎิเสธคำร้องของ Bitcoin ETF อยู่หลายครั้ง ทำให้ยังไม่มีใครสามารถสร้างมันได้เลย
ทาง SEC ได้ให้เหตุผลของการปฎิเสธว่า มันอาจถูกนำมาใช้ในการปั่นหรือควบคุมราคาได้ ทำให้เป็นไอเดียที่ไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไรนัก รวมถึง Bitcoin ETF ของ Winklevoss ด้วย ซึ่งทาง VanEck ได้พยายามที่จะปรับตัวตามกฎระเบียบของ SEC อย่างเคร่งครัด โดยคาดหวังที่จะให้ ETF ของพวกเขาผ่านให้ได้
อ้างอิงจาก Ethereumworldnews นาย Gabor Gurbacs หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลของ VanEck ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง CNBC ว่า ETF นั้นจะเข้ามาเพิ่มความมั่นใจของนักลงทุน และมีโอกาสที่จะมีเงินไหลเข้ามาสู่วงการคริปโตหลายพันล้านดอลลาร์
เขาได้ชี้ถึงความขัดแย้งว่า ความตั้งใจของ SEC นั้นคือการที่ควบคุมอุตสาหกรรมคริปโต แต่พวกเขาจะสามารถควบคุมวงการคริปโตให้ถูกกฎหมายได้หาก ETF ได้รับการอนุมัติ ซึ่ง ETF จะทำให้หน่วยงานและเจ้าใหญ่ ๆ เข้าใจว่า เงินแบบ Decentralized นั้นจะอยู่ร่วมกับตลาดดั้งเดิมได้อย่างไร
ผลกระทบของ ETF
นอกจากนี้ ETF ยังสามารถคุ้มครองนักลงทุนได้อีกด้วย ในขณะที่ลงทุนใน Bitcoin เพราะ โดยปกติแล้ววมันมีโอกาสที่จะถูกแฮ็ก, โจรกรรม หรือหาย ซึ่ง ETF จะป้องกันนักลงทุนจากสิ่งเปล่านั้นได้
หลาย ๆ ฝ่ายคาดว่าการที่ Bitcoin ETF ได้รับการอนุมัตินั้น จะทำให้นักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยงนั้นสามารถลงทุนผ่าน ETF ได้ และได้ทำนายด้วยว่าในวันแรกที่ Bitcoin ETF ได้รับการอนุมัตินั้นจะมีเงินลงทุนวกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ไหลเข้ามาในตลาดคริปโต
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ CEO ของกองทุน Patera Capital ออกให้ความเห็นว่า “จะได้เห็น Bitcoin ETF ในอีกหลายปี” ซึ่งตรงข้ามกับความเห็นของคนส่วนใหญ่ที่คาดหวังกันว่าจะได้เห็นเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเขาเป็นคนที่มีมุมมองในแง่บวกต่อตลาดคริปโตเสมอ แต่สาเหตุที่เขากล่าวไปเช่นนั้นเพราะว่า การที่แต่ละ ETF จะได้รับการอนุมัตินั้นไม่ได้ใช้เวลาปีเดียว เช่น ETF ล่าสุดที่ได้รับการอนุมัติก็ใช้เวลาถึง 3 ปีด้วยกัน
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น