นักลงทุนคริปโตส่วนใหญ่คงทราบกันดีแล้วว่า ตลาดคริปโตนั้นเริ่มเข้าสู่ขาลงอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ราคา Bitcoin ร่วงทะลุระดับ 6,000 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พาเอาเหรียญอื่น ๆ ร่วงลงตาม ๆ กัน
รายงานจากรายการ Fast Money ของ CNBC เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกาย 2018 นางสาว Meltem Demirors หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ของ CoinShares บริษัทด้านการลงทุนและวิจัยคริปโตยักษ์ใหญ่ ได้ออกมาชี้ว่า วงการคริปโตนั้นเจอกับวิกฤติทางการเงิน
เธอได้คาดเดาว่า การที่เราได้เห็นการเทขายของ Bitcoin อย่างหนักนั้น มาจากการที่สถาบันการเงินต่าง ๆ เทขาย และถอนเงินออกจากวงการคริปโต เนื่องจากต้องการลดความเสี่ยง
วิกฤติทางการเงิน
จากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น และสภาพตลาดในปัจจุบัน นางสาว Demirors ได้อธิบายว่า ทำไมเธอถึงคิดว่า วงการคริปโตถึงคราววิกฤติทางการเงินแล้ว
“นอกเหนือจาก Bitcoin แล้ว ดิฉันคิดว่าเหรียญอื่น ๆ กำลังอยู่ในช่วงวิกฤติ สังเกตเห็นว่าราคาของเหรียญต่าง ๆ นั้นร่วงลงมาประมาณ 75 ถึง 95 เปอร์เซ็นต์แล้ว มีปริมาณการเทรดที่ลดลงมาก มันมาถึงจุด ๆ ที่เงินของโปรเจกต์ต่าง ๆ เริ่มหมด และพวกเขาจำเป็นต้องลดต้นทุนด้วยการไล่พนักงานออกแล้ว และจะต้องล้มเลิกโปรเจกต์ในที่สุด”
เหรียญต่าง ๆ ที่นางสาว Demirors พูดถึงนั้นไม่ใช่แค่เพียงเหรียญ Altcoins ที่ไม่มีชื่อเสียงทั่วไป แต่รวมไปถึงเหรียญ Altcoins ทั้งหมดเลยตลาดที่มีความเสี่ยง ไม่เว้นแม้แต่ Altcoins 10 อันดับแรกที่มีมูลค่าโดยรวมมากที่สุดในตลาด
อย่างไรก็ตาม เธอได้ชี้ว่า วงการคริปโตก็กำลังจะมีเงินไหลเข้ามาจากสถาบันการเงินเช่น Bakkt, Fidelity และ BlackRock ที่จะเปิดให้บริการภายในต้นปีหน้า ซึ่งอาจกระตุ้นให้เงินจากนักลงทุนเจ้าใหญ่ ๆ ไหลเข้าทำให้สภาพดีขึ้นในเวลาต่อมา
ก่อนหน้านี้ นาย Arthur Hayes ก็ได้ออกมาทำนายว่า หากตลาดคริปโตยัง Sideway แบบนี้อยู่ไปเรื่อย ๆ ราคาของ Bitcoin จะร่วงลงไปแตะ 2,000 ดอลลาร์ และราคาที่ Bitcoin แสดงให้เห็นในตอนนี้ก็เริ่มส่งสัญญาณให้เห็นแล้วว่า Bitcoin ไม่มีแรงสนับสนุนมากพอที่จะทะยานขึ้นไปได้ มันอาจจะต้องอดทนเพื่อรอเงินจากนักลงทุนอีกระลอกถึงจะฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง เช่นเดียวกับเมื่อปลายปี 2017 ที่ผ่านมา ซึ่ง Bitcoin ไปแตะจุดสูงสุดตลอดกาลหลัง มีการอนุมัติ Bitcoin Futures
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น