ดูเหมือนว่า ตลาดขาลงในช่วงที่ผ่านมานั้นจะทำให้นักลงทุนหลาย ๆ คนขวัญเสีย หรือถึงกับถอดใจในตลาดคริปโตไปเลยทีเดียวเพราะคิดว่าจะไม่ฟื้นอีกแล้ว แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนอาจจะไม่เห็นด้วยสักเท่าไรนัก
พักฟื้น
อ้างอิงจาก Bloomberg นาย Rob Sluymer นักวิเคราะห์คริปโตจาก Fundstrat บริษัทที่วิเคราะห์ตลาดระดับโลก ได้ทำนายว่า “มันจะใช้เวลาหลายสัปดาห์ ไม่ก็หลายเดือนในการที่จะฟื้นฟูความเสียหายที่เพิ่งได้รับ”
เขาได้ชี้ว่า การร่วงลงของ Bitcoin และตลาดคริปโตในช่วงที่ผ่านมานั้น ทำให้ตลาดคริปโตเข้าไปสู่ช่วง “Oversold (การเทขายที่มากเกินไป) อย่างหนัก” ในขณะที่ตัวชี้วัดในระยะยาวนั้นไม่ค่อยดูดีเท่าไรนัก
นาย Sluymer ได้สรุปว่า Bitcoin นั้นยังมีโอกาสที่จะ “ทะยานติดต่อกันหลายเดือนได้อยู่” เพียงแต่มันต้องฟื้นฟูจากความเสียหายครั้งใหญ่ที่เพิ่งได้รับในครั้งนี้ก่อน
“ในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ Bitcoin ได้รับความเสียหายด้านเทคนิคอลที่หนักหน่วงมาก ซึ่งอาจจะใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์ ไม่ก็หลายเดือนในการฟื้นฟู เพื่อที่จะสร้างโครงสร้างแนวรับให้มากพอ ที่จะรองรับการทะยานติดต่อกันหลายเดือน”
ตลาดขาลง
หลังจากที่ Sideway มายาวนานกว่า 1 เดือน เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา Bitcoin มีราคาลงไปแตะ 5,544 ดอลลาร์ ซึ่งถือว่าเป็นจุดต่ำสุดในปี 2018 พร้อมกับพา Altcoins ในตลาดคริปโตร่วงลงไปหมด
มีนักวิเคราะห์ออกมาคาดการณ์ว่า สาเหตุที่ราคาของ Bitcoin ร่วงลงนั้น มาจากการทะเลาะกันของชุมชน Bitcoin Cash ที่เพิ่ง Hard Fork ไปเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
นาย Soichiro Tsutsumi นักเทรดจาก eWarrant Japan Securities K.K. ก็กล่าวกับ Bloomberg ว่า การที่ Bitcoin ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 6,000 ดอลลาร์นั้น ถือว่าเป็นสัญญาณที่ “อันตราย” สำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะธุรกิจที่จำเป็นเน้นจำนวนลูกค้า
การร่วงลงของตลาดคริปโตนั้นส่งผลไปยังหุ้นของบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับตลาดคริปโตด้วยเช่น SBI Holdings และ Coincheck ของ Monex Group ที่มีราคาลดลงกว่า 2 เปอร์เซ็นต์แตะจุดต่ำสุดในช่วง 2 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นาย Tom Lee หัวหน้านักวิจัยจาก Fundstrat ก็ได้ออกมาทำนายว่า Bitcoin จะไปแตะ 25,000 ดอลลาร์ได้อยู่ แต่ในทางกลับกันนาย Micheal Novogratz CEO ของ Galaxy Digital ได้กล่าวว่า Bitcoin ต้องมีราคาทะลุ 6,800 ดอลลาร์เพื่อที่จะไปแตะ 8,800 ถึง 9,000 ดอลลาร์ในตอนสิ้นปี และทำนายว่าจะไปแตะมากกว่า 20,000 ดอลลาร์ในปี 2019
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น