ความไม่ไว้วางใจในผู้ลงสมัครเลือกตั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทำให้พรรคประชาธิปัตย์เลือกนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้เมื่อเดือนที่ผานมาเพื่อคัดเลือกผู้นำใหม่ของไทย เป็นครั้งแรกที่ประเทศไทนนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้กับการเมือง
มีการลงคะแนนเสียงกว่า 120,000 เสียงผ่าน Blockchain ของ ZCoin ในช่วงการเลือกหัวหน้าพรรคเมื่อวันที่ 1-9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
Zcoin เป็นเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีที่ถูกสร้างขึ้นโดยคนไทย และอยู่บนอันดับที่ 109 ของโลกในปัจจุบัน (อ้างอิงจาก Coinmarketcap) โดยเหรียญดังกล่าวโฟกัสไปที่ความเป็นส่วนตัว อีกทั้งยังเปิดให้เป็น open-source อีกด้วย ซึ่งข้อมูลบางส่วนอาทิเช่นจำนวนในการทำธุรกรรมบน blockchain จะถูกปกปิดไว้ให้เป็นความลับ
นายปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าทีพัฒนา Zcoin เป็นผู้ชี้แนะให้พรรคประชาธิปัตย์นำเทคโนโลยีใหม่นี้มาใช้ประโยชน์ซึ่งทำให้เกิดความโปร่งใสมากขึ้นและมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ด้วย
โดยอ้างอิงจากนายปรมินทร์นั้น เขากล่าวว่าสมาชิกที่ลงสมัครเลือกตั้งนายกและคณะกรรมการการเลือกตั้งมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของการเก็บข้อมูลผลการโหวตและกลัวว่ามันจะมีการฉ้อโกงและความไม่เป็นธรรมในระบบการเลือกตั้ง
การเก็บข้อมูลไว้บน Blockchain ป้องกันปัญหาเรื่องของการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้รับอนุญาต เพราะการเปลี่ยนแปลงนั้นจำเป็นที่จะต้องได้รับมติเอกฉันท์จากผู้มีส่วนได้เสีย
แม้ว่า Blockchain ของ ZCoin นั้นจะทำให้ผู้ลงคะแนนนั้นสามารถแน่ใจถึงความเป็นส่วนตัวของผู้โหวต แต่นายปรมินทร์ได้ให้สัมภาษณ์กับ The Nation ว่าผลการโหวตในหลังจากนั้นจะสามารถถูกตรวจสอบร่วมกันได้ในภายหลัง
ซึ่งนี่อาจเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยมีระบบการโหวตอิเล็กโทรนิกส์แบบ large-scale ซึ่งประกอบไปด้วยข้อมูล 2 ส่วนคือการระบุเอกสารและการนับคะแนนโหวต เขากล่าว
โดยข้อมูลจะถูกเก็บไว้บน IPFS (InterPlanetary File System) คือเป็นระบบการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ หรือ decentralized
รหัส hash ของ IPFS จะถูกเก็บไว้บน Blockchain ของ Zcoin ซึ่งจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้และคณะกรรมการการเลือกตั้งรวมถึงผู้นำของพรรค 3 คนสามารถจะทำการตรวจสอบข้อมูลได้แบบโปร่งใส
ข้อมูลการโหวตจะสามารถถอดรหัสได้ต่อเมื่อบุคคล 5 คนนี้ยินยอม กล่าวคือตัวแทนของผู้ลงสมัคร 3 คน คณะกรรมกาการเลือกตั้งและพรรคประชาติปัตย์อยู่ต่อหน้าพร้อมกันและตกลงยินยอม
การแข่งขันเป็นไปอย่างเข้มข้นเมื่อผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งสองนาย คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายรัฐมนตรีได้รับคะแนนเสียง 67,505 เสียงและนายวรงค์ เดชกิจวิกรมได้รับคะแนนเสียง 57,689 เสียง
“การนำ Zcoin’s Blockchain มาใช้กับการเลือกตั้งมีข้อดีหลายอย่าง ประการแรกคือเพื่อนับคะแนนโหวตและนำมาสร้างระบบการโหวตทางอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต” นายปรมินทร์กล่าว
อย่างไรก็ตามเขากล่าวว่าการเตรียมการที่จะนำ Blockchain มาใช้ควรเกิดขึ้นมาแต่เนิ่น ๆ เพื่อทำให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น ถ้าเกิดว่ามันมีความผิดพลาดทางเทคนิคขึ้นมาอาจจะทำให้ผู้คนสงสัยว่ามันโกงหรือไม่และทำให้คนมองเทคโนโลยีนี้ในแง่ลบ
ในความคิดเห็นของเขาประเทศไทยมีศักยภาพมากพอที่จะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ประโยชน์กับการเลือกตั้งของประเทศและมันเป็นไปได้ที่ในอีก 5 ปีข้างหน้าผู้ออกคะแนนเสียงและผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งจะต้องการให้มีการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้มากยิ่งขึ้น
เขาบอกว่าผู้จัดการเลือกตั้งสามารถที่จะพัฒนาเครื่องโหวตอิเล็กทรอนิกส์และใช้ Blockchain ในการเก็บข้อมูล
“ผมเชื่อว่าเราประสบความสำเร็จไปอีกก้าวหนึ่งในแง่ของการเมืองและหวังว่าพรรคการเมืองพรรคอื่น ๆ หรือแม้กระทั่งผู้ปกครองไม่ใช่แทคในประเทศไทยแต่รวมถึงประเทศอื่น ๆ ด้วยควรที่จะหาทางนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้กับการโหวตทางอิเล็กทรอนิกส์ให้มากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในการนำเอา IPFS มาผนวกใช้กับ Blockchain ของ ZCoin ก่อนหน้านี้ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานไปแล้วเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมาว่ามีบุคคลปริศนาได้นำเอาเพลงแร็พชื่อดัง “ประเทศกูมี” ไปไว้บน IPFS และนำเอา hash มาใส่ไว้บน blockchain ของ ZCoin อีกด้วย
พรรคอื่น ๆ เริ่มมองหา Blockchain แล้วเช่นกัน
ในขณะเดียวกันตอนนี้มีพรรคการเมือง 2 พรรคคือพรรคกลางละพรรคอนาคตใหม่สนใจการใช้งานของเทคโนโลยี Blockchain นี้ด้วยเช่นกัน
ผู้ก่อตั้งพรรคกลางนายชุมพล ครุฑแก้ว กล่าว่าสมาชิกพรรคใช้คอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนเป็นเครื่องมือหลักในการติดต่อสื่อสารกัน
“ดังนั้นตลอดเวลาเราทำงานกันแบบออนไลน์ เราอภิปรายถกเถียงและประชุมกันทางอินเตอร์ ทุกคนสามารถที่จะ work from home ได้ซึ่งก็ประหยัดเวลาและเงินไปมากเพราะเราไม่จำเป็นที่จะต้องมีออฟฟิศ”
พรรคเก็บข้อมูลของสมาชิกและข้อมูลอื่น ๆ ไว้ใน soft files (ไฟล์บนคอมพิวเตอร์) หรือข้อมูลบางอย่างอาจจะต้องเก็บเป็นรูปแบบเอกสารกระดาษก่อนที่จะนำมันเก็บเป็นข้อมูลดิจิทัล
แม้พรรคกลางจะยังไม่ได้จดทะเบียนทางกฎหมาย แต่เมื่อพรรคได้จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเรียบร้อยแล้วทางพรรคจะเปิดเว็บไซต์และศูนย์รวมสำหรับการทำงานและการติดต่อสื่อสาร
ในขณะที่พรรคอนาคตใหม่ใช้ Cloud ในการปฏิบัติงาน
นายไกลก้อง ไวทยการกล่าวว่าการบริหารจัดการ การติดต่อสื่อสารภายในและอีเมลล์รวมถึงระบบการบริจาคทั้งหมดเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ของพรรคคือ futureforwardparty.org สมาชิกพรรคทำงานและประสานงานผ่านทางเว็บไซต์ แม้กระทั่งกระบวนการตัดสินใจของพรรคก็ใช้ระบบออนไลน์
มีสมาชิกอยู่ประมาณ 40% ที่ใช้ระบบเพื่อโหวตผู้นำพรรค ระบบสามารถเชื่อได้ กระบวนการยืนยันความถูกต้องมีมาตรฐานเดียวกันกับธนาคารออนไลน์แอพพลิเคชั่น
เช่นเดียวกับพรรคกลางที่ให้สมาชิกพรรคและคนที่ทำงานให้กับพรรคสามารถทำงานแบบออนไลน์ได้ ทำให้การทำงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้นเพราะพวกเขาไม่จำเป็นต้องเข้ามาที่ออฟิศและสามารถที่จะทำงานจากที่ไหนก็ได้
ก่อนหน้านี้นาย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ให้สัมภาษณ์กับทางสยามบล็อกเชนถึงอนาคตของประเทศไทยกับเทคโนโลยี Blockchain โดยเขานั้นค่อนข้างที่จะมีมุมมองที่เป็นด้านบวกเกี่ยวกับเทคโนโลยีดังกล่าว ซึ่งเขากล่าวในขณะนั้นว่า
“ผมมอง Bitcoin และ Blockchain ในฐานะเทคโนโลยีมากกว่า รวมถึงมองว่าในฐานะเทคโนโลยีมันสามารถเอามาใช้ในประเทศไทยได้อย่างไรบ้าง แล้วประเทศไทยจะได้ผลประโยชน์ จะเก็บเกี่ยวกับเทคโนโลยีตัวใหม่ตัวนี้ได้อย่างไรบ้าง ผมจะมองในลักษณะนั้นมากกว่า”
ที่มา The Nation
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น