ปี 2017 และ 2018 นั้นเป็นปีที่โปรเจกต์ ICO ร้อนแรงซึ่ง EOS เป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเทคโนโลยีของมันรวมทั้ง มันยังได้รับการขนานนามว่าเป็น Ethereum Killer อีกด้วย ซึ่งในบทความนี้ เราจะไปทำความรู้จัก และชี้ให้เห็นว่าทำไมมันถึงมีศักยภาพที่จะล้ม Ethereum ได้
EOS คืออะไร
EOS คือโปรเจกต์ Blockchain ที่ตั้งใจจะกลายเป็นระบบปฎิบัติการแบบ Decentralized สำหรับ DApps ระดับอุตสาหกรรม กล่าวคือ แพลตฟอร์มสำหรับ DApps นั่นเอง โดยพวกเขามีความตั้งใจที่จะทำให้มันสามารถทำรายการได้หลายล้านธุรกรรมต่อวินาที และที่สำคัญคือไม่มีค่าธรรมเนียมแตกต่างจากโปรเจกต์ Blockchain อื่น ๆ
สาเหตุที่ EOS ต้องการทำได้หลายล้านรายการต่อวินาที เนื่องจากจำนวน DApps ที่พวกเขาวาดฝันไว้ว่าจะรองรับ ลองจินตนาการว่า มีคนสามารถสร้าง DApps คล้าย ๆ Facebook บน EOS ได้ และในแพลตฟอร์มนั้นก็มีกดไลค์รูปเกิดขึ้นกว่าหมื่น ๆ แสน ๆ รายการต่อวินาที เครือข่าย Blockchain ทั่วไปจะไม่สามารถประมวลผลได้ทันอย่างแน่นอน เนื่องจาก 1 ไลค์ก็เปรียบเสมือนกับ 1 ธุรกรรม และนั่นเป็นเพียง 1 แอปฯ เท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงมีแอปฯ ที่คนทั่วโลกใช้กันเป็นหมื่น ๆ แสน ๆ แอปฯ มันเลยเป็นที่มาว่าทำไมต้องสามารถทำรายการได้หลายล้านธุรกรรมต่อวินาที
โปรเจกต์ดังกล่าวเป็น ICO ที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2017 และเพิ่งระดมทุนเสร็จไปวันที่ 1 มิถุนายน 2018 ซึ่งกินระยะเวลากว่า 350 วัน และพวกเขาก็ได้รับเงินระดมทุนไปกว่า 1 พันล้านดอลาร์ ถือว่าเป็นหนึ่งใน ICO ที่ระดมทุนนานที่สุด และประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์
ดีกว่า Ethereum ตรงไหน
โดยแนวคิดแล้ว Ethereum และ EOS นั้นมีความตั้งใจที่คล้ายคลึงกันคือ เป็นระบบเครือข่าย Blockchain สำหรับ DApps ทั่วโลก แต่สิ่งที่ทำให้ EOS ถูกเคลมว่า จะเป็นผู้ที่ล้ม Ethereum คือ Blockchain ของมัน
อ้างอิงจาก BitdDegree รูปด้านล่างเป็นการเปรียบเทียบว่า ทำไม EOS ถึงมีศักยภาพที่แฝงอยู่มาก มันจะเข้ามาแก้ปัญหาด้านการ Scaling ที่ปัจจุบัน โปรเจกต์คริปโตมากมายเช่น Bitcoin หรือ Ethereum ต่างประสบปัญหาอยู่
จากรูปจะเห็นได้ว่า EOS นั้นสามารถประมวลผลธุรกรรมได้ในปริมาณที่มากกว่า Ethereum ซึ่งในขณะนี้ Ethereum สามารถประมวลผลได้ 15 รายการต่อวินาทีเท่านั้น ทำให้มันยังคงห่างไกลกับการที่จะได้รับการยอมรับแบบระดับโลก
ในปัจจุบัน Ethereum ยังใช้กลไกการหาข้อสรุปในเครือข่าย (Consensus Mechanism) แบบ Proof-of-work (PoW) หรือที่รู้จักกันดีในการขุดอยู่ แต่สำหรับ EOS พวกเขาได้นำกลไก Delegated-Proof-of-stake (DPoS) มาใช้ซึ่งเป็นระบบที่โปรเจกต์ Blockchain ใหม่ ๆ ที่นิยมนำมาใช้กัน เนื่องจากมันมีประสิทธิภาพ และไม่กินพลังงาน รวมทั้งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเท่ากับการเปิดเครื่องขุด ผู้ที่อยากช่วยยืนยันเครือข่ายเพียงแค่ฝากเหรียญของพวกเขาไว้กับ Pool ที่เปิดฝาก ก็จะได้รับปันผลเรื่อย ๆ และยังช่วยยืนยันธุรกรรมในเครือข่ายได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ด้วยกลไก DPoS เครือข่าย EOS ยังมีความสามารถที่จะหยุดธุรกรรมในเครือข่ายได้อีกด้วย มันอาจจะดู Centralized แต่ความจริงคือ มันมีไว้เพื่อป้องกันเหตุการณ์โดนแฮ็ก เช่น เมื่อปี 2016 มี DAO ถูกแฮ็ก Ethereum เป็นมูลค่ากว่า 50 ล้านดอลลาร์ ทำให้มันต้องทำการ Hardfork เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวเลยทีเดียว ซึ่ง EOS จะสามารถป้องกันเหตุการณ์นั้นได้
มุมมองจากรัฐบาลจีน
ถึงแม้รัฐบาลจีนจะมีท่าทีต่อต้านคริปโตมาตั้งแต่ปี 2017 แต่หน่วยงานด้าน IT ของจีนก็ยังคงให้ความสนใจ และทำรายงานจัดอันดับคริปโตออกมาในทุก ๆ เดือน ซึ่งหลายเดือนติดต่อกันที่ EOS คล้ายตำแหน่งอันดับหนึ่งไปครอง ไม่ว่าจะในแง่ของเทคโนโลยี, การใช้งานจริง และความสร้างสรรค์ นำหน้า Ethereum, Bitcoin และ NEO แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่แค่นักลงทุนที่ FOMO กันไปเอง แต่เทคโนโลยีของ EOS นั้นก็ได้รับการศึกษาอย่างละเอียดจากหน่วยงานจีน และดูเหมือนว่าจะเหนือว่าหลาย ๆ โปรเจกต์ซะด้วย
ในอนาคต
ถึงแม้ EOS จะดูมีศักยภาพแฝงอยู่มากมาย แต่โปรเจกต์ก็เพิ่งลืมตาดูโลกได้เพียงไม่กี่เดือน การที่จะเข้ามาแทนที่ Ethereum ทันทีเลยนั้นคงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะนักพัฒนา DApps ส่วนใหญ่ ยังคงอยู่ที่ Ethereum เนื่องจากความคุ้นชิน และชุมชนขนาดใหญ่ทำให้เอื้อต่อการพัฒนาเป็นอย่างมาก
ในปีหน้า Ethereum ก็วางแผนที่จะพัฒนา Blockchain ของพวกเขาเช่น Constantinople, Sharding และอื่น ๆ ที่มากมายที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาด้าน Scaling เช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นศึกที่ห้ำหั่นว่า ใครจะเป็นผู้ที่ครองตลาดไป
นอกจากนี้ EOS ก็ยังคงมีคู่แข่งอื่น ๆ อีกมากมายเช่น NEO, QTUM หรือ ADA ที่ตั้งใจจะเป็นแพลตฟอร์ม Blockchain
อ้างอิงจาก Coinmarketcap ในขณะที่รายงานอยู่นี้ EOS มีราคา 2.57 ดอลลาร์ และมีมูลค่าตลาดโดยรวมอยู่ที่ 2,326 ล้านดอลลาร์ ทำให้มันเป็นคริปโตอันดับ 6 ของตลาด ซึ่งถือว่ามาไกลมากสำหรับ ICO ที่เพิ่งระดมทุนเสร็จไม่นาน ราคาของมันเคยขึ้นไปถึง 21.46 ดอลลาร์ ซึ่งปัจจุบันถือว่าค่อนข้างต่ำ
อย่างไรก็ตาม บทความตั้งใจที่จะชี้ว่า EOS เป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่มีอนาคตไกลและน่าสนใจมาก ซึ่งอาจจะไม่ได้ครอบคลุมในทุก ๆ แง่ของมัน เนื่องจากยังมีอะไรอีกเยอะมากแบบเทคนิคอล หากผู้อ่านสนใจอยากลองลงทุน ก็แนะนำให้ศึกษา Whitepaper อย่างละเอียดซะก่อนที่จะเริ่มลงทุน
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น