<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ตลาดขาลงอย่างรุนแรง ทำให้ Tether กลายเป็นคริปโต 5 อันดับแรกในตลาด

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

USDT หรือ Tether กลายเป็นคริปโต 5 อันดับแรกแล้ว

ท่ามกลางตลาดขาลงที่ดำเนินมายาวนานกว่า 10 เดือนไม่ว่าจะเป็น Bitcoin หรือ Altcoins ต่างก็มีมูลค่าที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด บ้างก็ลดลง 80 เปอร์เซ็นต์ บ้างก็ลดลง 90 เปอร์เซ็นต์ จนทำให้ Stablecoin อย่าง Tether กลายเป็นคริปโตอันดับ 5 ขึ้นมาได้ ก้าวข้าม Bitcoin Cash และ EOS มา

ขึ้นมาเป็นอันดับ 5

การที่ Tether เป็น Stablecoin ที่มีเงินดอลลาร์ค้ำอยู่นั้น ทำให้มีความผันผวนที่น้อยกว่าคริปโตทั่วไป ราคาของมันเลยค่อนข้างคงที่ อย่างไรก็ตาม ถึงมันจะไม่ได้รับผลกระทบจากขาลงมากนัก อ้างอิงจาก Coinmarketcap เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา Tether ได้มีมูลค่าทั้งหมดลดลงกว่า 700 ล้านดอลลาร์จาก 2.5 เหลือ 1.8 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากมีนักลงทุนทำการแลกเป็นเงินดอลลาร์คืน

หนึ่งในเหตุผลที่ Tether มีมูลค่าลดลงไม่เท่ากับคริปโตตัวอื่น ๆ เนื่องจาก ความยากลำบากในการแลกเป็นเงินดอลลาร์คืน มีรายงานว่า Tether นั้นเก็บเงินค่าบริการในการแลก USDT กลับเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ สูงกว่า Stablecoin อื่น ๆ เช่น USD Coin, Paxos Standard หรือ Gemini Dollar เลยมีการแลกกลับเป็นเงิน Fiat น้อย

เมื่อ 90 วันที่ผ่านมา Litecoin มีมูลค่าตลาดโดยรวมมากกว่าในปัจจุบันถึง 2 เท่า แต่ตอนนี้มันมีมูลค่าโดยรวมน้อยกว่า Tether ถึง 400 ล้านดอลลาร์ เช่นเดียวกันกับ EOS ที่เคยมีมูลค่าโดยรวมมากถึง 4 พันล้านดอลลาร์ แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 2 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น การที่โปรเจกต์ที่เป็นแพลตฟอร์มเช่น EOS จะกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง มันต้องมีโทเคนซึ่งทำงานบน Blockchain ของ EOS ที่ได้รับความสนใจมาก ๆ เสียก่อนถึงจะดังตามไปด้วย

สิ่งที่น่าสนใจคือ ใน 90 วันที่ผ่านมา Bitcoin Cash มีมูลค่าที่ลดลงกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ตามหลัง Tether กว่า 100 ล้านดอลลาร์ และกลายเป็นคริปโตอันดับ 6 จากอันดับ 4 ซึ่งก่อนหน้านี้ชุมชน Bitcoin Cash ได้มีข้อถกเถียงจึงมีการ Hard Fork เกิดขึ้นทำให้เหรียญ Bitcoin SV เกิดใหม่ขึ้นมา

อาจไม่อยู่ตลอดไป

ถึงแม้ USDT จะเพิ่งขึ้นมาเป็นอันดับที่ 5 แต่ก็ใช่ว่ามันจะอยู่ตรงนี้ตลอดไป การที่ Tether มีมูลค่าลดลงอย่างต่อเนื่องในเดือนที่ผ่าน ๆ มา และ Stablecoin อื่น ๆ เช่น Paxos Standard หรือ USDC กลับมีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นสวนทางกันอาจจะแปลได้ว่า คนเริ่มหมดความสนใจใน USDT และหันไปพึ่ง Stablecoin ที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาก็เป็นได้

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น