<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

CEO ของ CoinList กล่าว “ปี 2019 สำหรับวงการคริปโตก็จะเงียบ ๆ หน่อย เพราะกำลังโฟกัสในการสร้างวงการ”

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

อ้างอิงจาก Yahoo Finance เมื่อวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา นาย Andy Bromberg CEO ของ CoinList ได้กล่าวว่า “ตลาดคริปโตในปี 2019 นั้นก็จะเงียบ ๆ หน่อย” เนื่องจากบริษัททั้งหมดในวงการจะโฟกัสไปยังการสร้างเสริมให้อุตสาหกรรมคริปโตนั้นเติบโต

CoinList เป็นบริษัทที่เคยทำการลิสต์เหรียญ ICO เช่น Filecoin, Blockstak, Props, Origin และ TrustTokens เพื่อขายให้กับนักลงทุน

หลังจากขาขึ้นอย่างรุนแรงในปี 2017 ตลาดคริปโตในปี 2018 นั้นก็ถือว่าเป็นขาลงอย่างแท้จริง เนื่องจากคริปโตทุกสกุลไม่ว่าจะเล็กใหญ่ขนาดไหนก็ตามก็มีมูลค่าที่ลดลงเป็นอย่างมากในตอนสิ้นปี โดย Bitcoin นั้นร่วงลงมาประมาณ 74 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ Ethereum และ XRP มีมูลค่าลดลงมากว่า 84 เปอร์เซ็นต์

ทิศทางตลาดในตลาดคิดของนาย Bromberg

ในปี 2019 นี้ ตลาดก็ไม่มีท่าทีว่าจะเปลี่ยนทิศทางเลย หากดูในกราฟแบบ 1 เดือนจะพบว่า BTC, ETH และ XRP นั้นก็มีมูลค่าลดลงมากว่า 9.5, 22 และ 15.5 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ ทำเอานักลงทุนเริ่มสิ้นหวังไปตาม ๆ กัน แต่ดูเหมือนว่า ในมุมของนาย Bromberg นั้นตลาดที่เคลื่อนที่ไปอย่างช้า ๆ แบบนี้จะแปลได้ว่า บริษัทและผู้ประกอบการจำนวนมากในวงการคริปโตกำลังเร่งพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ของพวกเขาอยู่

“ในปี 2019 มันรู้สึกเหมือนกับว่า ผู้คนกำลังโฟกัสไปที่การสร้างอุตสาหกรรม ผมคิดว่าตลาดก็จะเงียบ ๆ หน่อยช่วงนี้ ในขณะที่ผู้คนกำลังโฟกัสไปกับการสร้างอะไรบางอย่าง มันให้ความรู้สึกเหมือนกับเมซอพอเทเมียที่เป็นแหล่งกำเนิดของอารยธรรม”

เขาได้อธิบายต่ออีกว่า ในตอนนี้มีทรัพยากรที่พร้อมแล้ว เพียงแต่ต้องลงมือทำให้เกิดขึ้นมาเท่านั้น:

“ในตอนนี้ทุก ๆ คนมีวัตถุดิบที่พวกเขาต้องการแล้ว ต้องโฟกัสไปยังการสร้างและเริ่มอาณาจักรนั้น และสร้างอนาคตที่พวกเขาวาดฝันไว้ และนั่นคือสิ่งที่ผมคิดว่าปีนี้จะเป็นเช่นไร”

นาย Bromberg ระบุว่า ในตอนนี้มีกระแสในวงการคริปโตที่น้อยลงกว่าแต่ก่อน ราคาที่ลดลงของคริปโตในปี 2018 ทำให้นักเก็งกำไรจำนวนมากเริ่มไหลออกไปจากวงการ ยังไม่รวมถึงฟองสบู่ของ ICO ที่แตกตัว มีโปรเจกต์มากมายที่ระดมทุนไปแล้วไม่ประสบความสำเร็จด้วย

เขาได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ในขั้นต่อไปนั้นคือการที่จะเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีเหล่านี้ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ให้ได้นั่นเอง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่วงการคริปโตควรโฟกัสเป็นอย่างมาก เพราะถึงแม้เทคโนโลยีจะดีแค่ไหนก็ตาม แต่หากใช้งานจริงไม่ได้ มันก็ไม่มีความหมายเท่าไรนัก

ที่มาภาพ Bloomberg.com

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น