ดูเหมือนว่าทางผู้ออกกฎหมายด้านการเงินในประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำลังเริ่มที่จะจริงจังกับเทคโนโลยีคริปโตเคอเรนซี่และ blockchain มากขึ้นไปอีก หลังจากที่พวกเขาได้ออกใบอนุญาตประกอบสินทรัพย์ดิจิทัลให้กับเว็บเทรดในไทยอย่าง Bx, Bitkub และ Satang Pro ไปเมื่อไม่นานมานี้ ล่าสุดดูเหมือนว่าพวกเขากำลังต้องการที่จะผลักดันให้ในประเทศไทยมีการใช้เหรียญ Securities Token Offering (STO) กันอย่างแพร่หลายแล้ว
โดยอ้างอิงจากหนังสือพิมพ์โพสต์ ทูเดย์ ฉบับเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์นั้น นาย ปริย เตชะมวลไววิทย์ ฝ่ายสือสารองค์กรสำนักงาน ก.ล.ต. เผยว่าเมื่อช่วงต้นปี 2562 นี้ มีผู้ที่ให้ความสนใจในตัวเหรียญ STO เป็นอย่างมาก
“ตั้งแต่ต้นปี 2562 มีผู้สนใจสอบถาม ก.ล.ต. แทบในทุกเวทีเกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมทั้งความเป็นไปได้ที่เราจะได้เห็น STO เกิดขึ้นจริงในตลาดทุนไทย แถมยังมีภาคเอกชนเข้ามาเสนอ idea และสนใจเข้ามามีบทบาทในเรื่อง STO กันอยู่หลายราย” กล่าวโดยนาย ปริย
เขายังกล่าวว่าทางผู้ออกกฎหมายนั้นได้เล็งเห็นศักยภาพของเหรียญ STO ที่ว่านี้ในการ “เปลี่ยนโฉมวิธีการทำธุรกรรมและการประกอบธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในตลาดทุน ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสให้กับผู้เกี่ยวข้อง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการใช้ตลาดทุนไทยตอบโจทย์ใหญ่ๆ ของประเทศในภาพรวมได้” พร้อมเสริมว่า
“ก.ล.ต.จึงตั้งใจจริงในการขจัดอุปสรรคและสนับสนุนให้สามารถนำกระบวนการ STO/tokenization มาใช้ได้จริงในไทยครับ”
การระดมทุนผ่านเหรียญ STO นั้นมีความคล้ายคลึงกับการระดมทุนผ่านเหรียญแบบ Initial Coin Offerings (ICO) กระนั้นความแตกต่างของมันก็คือการที่ STO นั้นเป็นหลักทรัพย์ (เช่นหุ้น ตราสารหนี้ หน่วยลงทุน) นั่นหมายความว่าข้อกฎหมายทุกอย่างที่จะถูกนำมาบังคับใช้นั้นจะอยู่ภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ ที่ถูกควบคุมและกำกับโดยทาง ก.ล.ต.
นั่นหมายความว่าทั้งผู้ที่ระดมทุนขายเหรียญ STO และผู้ซื้อเหรียญ STO นั้นจะต้องมีขั้นตอนทางกฎหมายที่ไม่ต่างจากการระดมทุนและการซื้อหลักทรัพย์แบบปกติทั่วไป เพียงแต่ว่าสิ่งที่คุณได้มาจากการซื้อนั้นเป็นเหรียญโทเค็นดิจิทัล ที่สามารถถูกเก็บอยู่บน Blockchain อีกทั้งยังโอนหากันได้ และเก็งกำไรได้นั่นเอง
นายปริยเผยว่าในอนาคต ผู้คนจะสามารถนำเอาเทคโนโลยีที่ว่านี้มาผนวกกับตลาดแบบดั้งเดิมในไทย
“ในอนาคตเราจะสามารถออกหลักทรัพย์แบบ “ไร้ใบ” ได้อย่างแท้จริงตั้งแต่ในตลาดแรกผ่านกลไกของศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ พูดง่ายๆ ก็คือต่อไปเราจะสามารถนำกระบวนการ STO หรือการ tokenize หลักทรัพย์โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในตลาดทุนไทยได้นั่นเองครับ น่าตื่นเต้นใช่ไหมครับ”
ทว่า เขากล่าวทิ้งท้ายไว้ว่าในปัจจุบัน ด้วยความแตกต่างทางด้านกฎหมายระหว่าง พรบ. หลักทรัพย์ และกฎหมาย พรก. สินทรัพย์ดิจิทัล นั้น ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (อย่างเช่น Bx, Bitkub และ Satang) จะสามารถเปิดตลาดแลกเปลี่ยนเหรียญ STO ได้ แต่ก็พยายามที่จะหาวิธีให้พวกเขาสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาได้
“ด้วยโครงสร้างกฎหมายปัจจุบัน ผู้ประกอบธุรกิจที่ ได้รับอนุญาต / ได้รับความเห็นชอบภายใต้ พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล (ไม่ว่าจะเป็น digital asset exchange/ broker/dealer หรือ ICO portal) จะยังไม่สามารถข้ามมาให้บริการในฝั่ง STO ภายใต้ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ได้โดยอัตโนมัตินะครับ เพราะอยู่ภายใต้คนละกฎหมาย แต่ประเด็นนี้ ก.ล.ต. กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ที่ผู้ให้บริการจากฝั่งสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งมี ความคุ้นเคยเรื่อง tokenization จะสามารถเข้ามาร่วมพัฒนาและสร้างความหลากหลายใน ecosystem ฝั่งหลักทรัพย์ได้ครับ”
กระนั้น ผู้ที่สนใจสามารถที่จะเข้าชมรายการ LIVE ผ่านทางเพจของ ก.ล.ต. ได้ในวันพฤหัสฯ ที่ 21 นี้
ขอบคุณภาพจาก Voice TV
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น