ดูเหมือนว่า Apple ได้ยื่นส่งแบบคำขอด้านกฎหมายให้กับทางสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ (SEC) ทว่าเอกสารดังกล่าวนั้นมีข้อมูลปลีกย่อยที่เกี่ยวกับความสนใจต่อของพวกเขาต่อเทคโนโลยี Blockchain
เอกสารดังกล่าวมีชื่อว่า “สรุปความมุ่งมั่นของ Apple ในการจัดหาอย่างมีความรับผิดชอบ” ซึ่งเป็นการเผยข้อมูลให้เห็นถึงความตั้งใจของ Apple ในการ “เพื่อส่งเสริมสิทธิมนุษยชนทั่วทั้งเครือข่ายซัพพลายเออร์ทั่วโลกที่สนับสนุนการผลิตอุปกรณ์สื่อสารและอุปกรณ์พกพาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและอุปกรณ์เสริมที่เกี่ยวข้อง” โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดการบริหารภายใน และรวมถึงการสร้างความสัมพันธ์กับผู้ให้บริการด้าน supply chain นอกจากนี้ยังได้อธิบายถึงความรับผิดชอบต่อสังคมในการจัดหาทรัพยากรในการสร้างโทรศัพท์มือถือ iPhone อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การยื่นเอกสารของ Apple เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเผยให้เห็นการร่างที่ชื่อว่า “Blockchain Guidelines” สำหรับ Responsible Business Alliance’s Responsible Minerals Initiative หรือแปลเป็นไทยว่า “พันธมิตรธุรกิจที่มีความจิตสำนึกต่อโครงการการขุดแร่ธาตุ” โดยอ้างอิงจากการแถลงข่าวผ่าน RBA นั้น guidelines ที่ว่านี้เคยถูกเผยแพร่ครั้งแรกเมื่อช่วงกลางเดือนธันวาคมปีที่แล้ว และแสดงให้เห็นถึง “ความพยายามครั้งแรกของในวงการ ในการกำหนดชุดคุณสมบัติและคำจำกัดความทั่วไปสำหรับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Blockchain เพื่อสนับสนุนระบบ supply chain ของการขุดแร่ธาตุ” อย่างไรก็ตาม การประกาศข่าวดังกล่าวนั้นไม่ได้มีการเอ่ยถึงบริษัท Apple แต่อย่างใด แต่พวกเขาถูกลิสต์ให้เป็น “สมาชิก” ผ่านเว็บไซต์หลักของ RBA
เอกสารที่พวกเขายื่นต่อ ก.ล.ต. แสดงให้เห็นว่าในปี 2018 นั้น Apple เคยเข้าไปอยู่ในบอร์ดผู้บริหารของ RBA รวมถึงเข้าร่วมเป็นกรรมการภายในอีกด้วย ซึ่งนั่นรวมถึง “ทีม Blockchain”
iChain จะมา?
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้เผยรายละเอียดที่ผู้อ่านอยากรู้เท่าไรนัก เช่นการเข้าร่วมกลุ่มของ Apple กับบริษัทด้านเทคโนโลยีอื่น ๆ อาจหมายถึงการร่วมมือกันเพื่อพัฒนาระบบ blockchain เพื่อเปิดให้บริการต่อสาธารณะชน? และถ้าหากว่าทาง Apple หาทางพัฒนาโซลูชันด้าน supply chain แบบใหม่ มันก็ยังไม่เป็นที่ปรากฎอยู่ดี
ก่อนหน้านี้นาย John Roberts จากนิตยาสาร Fortune ได้ออกมาเขียนวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ของ Apple ในการซุ่มพัฒนาเทคโนโลยี Blockchain ของตัวเอง เหมือนกับบริษัทด้านเทคโนโลยีอื่น ๆ
แต่กระนั้น ก็ยังมีสัญญาณที่น่าสนใจไม่น้อย อย่างเช่นการที่อดีตผู้ร่วมก่อตั้ง Apple เข้ามาแสดงความสนใจใน Bitcoin และก่อนหน้านี้มีรายงานว่า Apple ได้เผยถึงรายละเอียดการจดสินธิบัตรเกี่ยวกับการตรวจสอบ timestamp ด้วยการนำเอาเทคโนโลยี blockchain มาผสมกับ Public Key Infrastructure (PKI) อีกด้วย
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น