<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

“วอลลุ่มของ Bitcoin Futures นั้นมีความสำคัญมากกกว่าที่คุณคิด” บริษัท Bitwise กล่าว

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

“ตลาด Bitcoin Futures นั้นใหญ่กว่าและเชื่อมโยงกับตลาดการเงินมากกว่าที่คิด” ผู้จัดการด้านสินทรัพย์ของ Bitwise กล่าว

จากการรายงานพบว่าวอลลุ่มของ Bitcoin มากกว่า 95% นั้นถูกปลอมขึ้น ตลาดฟิวเจอร์ของ Bitcoin นั้นเป็นสิ่งสำคัญ ส่วนที่เหลืออีก 5% เป็นของจริงซึ่งทำการเทรดอยู่ที่เว็บ Exchange ในตลาดการเงินที่ได้รับการกำกับดูแลโดยกฎหมาย

รายงานดังกล่าวถูกส่งไปยัง ก.ล.ต. แห่งสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นสัปดาห์ ซึ่งตอนนี้ทาง ก.ล.ต. สหรัฐ ฯ กำลังทำการพิจารณากกองทุน Bitcoin ETF ที่ Bitwise และ  NYSE Arca ได้ยื่นคำร้องขอเปลี่ยนกฎเมื่อเดือนมกราคมปีนี้

ด้าน CoinMarketCap หนึ่งในแหล่งข้อมูลการเทรดคริปโตที่มีอิทธิพลได้กล่าวว่าวอลลุ่มการเทรดของ Bitcoin อยู่ที่ประมาณ 6 พันล้านดอลลาร์ต่อวัน แต่ Bitwise โต้แย้งโดยกล่าวว่าจริง ๆ แล้ววอลลุ่มการเทรด Bitcoin ตามที่ทางบริษัทตรวจสอบ (และได้ส่งเรื่องนี้ไปยัง ก.ล.ต. สหรัฐ ฯ เพื่ออธิบายกว่า 227 หน้า) อยู่ที่ 273 ล้านดอลลาร์เท่านั้น

ความแตกต่างของปริมาณวอลลุ่มจากทั้งสองแหล่ง (ทั้งที่ควรจะมีข้อมูลเหมือนกัน) นั้นหมายความว่าวอลลุ่มการเทรดฟิวเจอร์รายงานโดยเว็บเทรด Chicago รวมถึง CME Group และ Cboe ส่งผลกระทบต่อตลาดมากกว่าที่คิด นอกจากนี้ Cboe จะยุติการให้บริการผลิตภัณฑ์ของตนเองก่อนชั่วคราวในอาทิตย์ถัดมา วอลลุ่มการเทรดฟิวเจอร์โดยเฉลี่ยของ CME และ Cboe รวมกันอยู่ที่ 85 ล้านดอลลาร์ซึ่งก็ใกล้เคียงกับวอลลุ่มในตลาดการเงินของ Binace ที่อยู่ที่ 110 ล้านดอลลาร์

Bitwise กล่าว:

“ตลาดฟิวเจอร์และพัฒนาการของการกู้ยืมและการเข้ามาของผู้สร้างตลาดใหญ่ ๆ รวมถึงตลาด Bitcoin ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในปี 2018 สร้างไดนามิก มาตรฐาน และตลาดแบบ two-sided เป็นครั้งแรก”

วอลลุ่มที่ถูกปลอมแปลง

การเทรดฟิวเจอร์ Bitcoin ในตลาดการเงินเกิดที่ Exchange กว่า 10 แห่ง รวมแล้วมีวอลลุ่มการเทรดอยู่ที่ 300 ล้านดอลลาร์ต่อวัน ทาง Bitwise กล่าว

เว็บเทรดหนึ่งในสิบนั้นก็คือ Coinbase, Bitfinex, Gemini และ Binance ซึ่งจะมีการเทรดระหว่างกัน หมายความว่า spread ระหว่างแพลตฟอร์มของเว็บเทรดเหล่านี้จะน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์

“การ Arbitrage ระหว่างเว็บเทรดทั้งสิบแห่งนี้เป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบมาก กล่าวคือราคาจะไม่แตกต่างกันไปมากนัก”

แต่ spread ในเว็บเทรดอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวไปข้างต้นจะมีมากกว่านี้มากซึ่งทาง Bitwise เชื่อว่าเป็นเพราะเว็บเทรดเหล่านั้นสร้างวอลลุ่มปลอมออกมา

นอกจากนี้ทาง Bitwise ยังกล่าวต่อไปอีกว่าสหรัฐอเมริกามีสัดส่วนความรับผิดชอบต่อ Bitcoin ในตลาดการเงินมากกว่าที่เคยเป็น หัวหน้าแผนกวิจัยของ Bitwise นาย Matt Hougan ได้ออกมากล่าวว่าบริษัทของเขากำลังสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออ่านข้อมูลผ่านทางโปรแกรมจากเว็บเทรดท็อป 81 ที่ส่งรายงานมา

โดยทางบริษัทจะเก็บข้อมูลการจอง order จากเว็บเทรดเหล่านี้แล้วก็จะดูการเทรดล่าสุด “4 ครั้งต่อวินาทีติดต่อกันหลายวัน” โดยการอ่านข้อมูลด้วยโปรแกรมนี้นำมาใช้ทดสอบทางสถิติเพื่อระบุพฤติกรรมที่เป็นการปลอมแปลงขึ้น

ผลลัพธ์ได้ถูกนำเสนอไปที่ ก.ล.ต. แห่งสหรัฐ ฯ ซึ่งเขากล่าวต่อไปว่า:

“รูปแบบที่คุณเห็นมันตรงกับลักษณะนิสัยตามธรรมชาติของมนุษย์ ผู้คนมีแนวโน้มที่จะเทรด Bitcoin ในจำนวนน้อยมากกว่าเทรดทีละมาก ๆ และมีแนวโน้มที่จะเทรด Bitcoin ทั้งเหรียญมากกว่าเทรดเป็นจุดทศนิยม (เช่น เทรด 2.0 Bitcoin มากกว่าเทรด 1.9 Bitcoin หรือ 2.1 Bitcoin)

ผลกระทบของ ETF

ข้อเท็จจริงจากทาง Bitwise ที่ได้รายงานไปยัง ก.ล.ต. สหรัฐ ฯ เผยว่า 95% ของวอลลุ่มการเทรด Bitcoin นั้นเป็นของปลอมซึ่งมันไม่ใช่ประเด็นของคำร้องขอเปลี่ยนแปลงกฎกองทุน bitcoin ETF proposal ที่ทาง Bitwise ได้ยื่นเรื่องไป นาย Hougan กล่าว

“ความจริงคือวอลลุ่มปลอมบนตลาดคริปโตไม่ใช่ข่าวใหม่ ทางเราแค่เป็นบริษัทแรกที่รู้วิธีการในการตรวจสอบและระบุปริมาณที่แท้จริงได้เท่านั้น”

ถ้าหากไม่ต้องพิจารณาประเด็นของวอลลุ่มปลอม ตลาด Bitcoin ในตอนนี้มีประสิทธิภาพ มีการทำกำไรจากผลต่างของราคาในตลาดสองแห่ง และได้รับการกำกับดูแล นักวิเคราะห์ของทาง Bitwise กล่าว

“นอกจากนี้ตลาดฟิวเจอร์ของ CME ที่ถูกต้องตามกฎหมายนั้นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่มากกว่าหลาย ๆ คนคิด ซึ่งทาง ก.ล.ต. ก็ได้ออกมาอธิบายว่าคำขอ ETF จะต้องแสดงให้เห็นถึงตลาดที่ทำการอ้างอิงสำหรับกองทุนที่ต้องไม่มีการควบคุมตลาดด้วย” หรือมันมีตลาดขนาดใหญ่ที่ถูกกฎหมาย ซึ่งทาง Bitwise ก็พยายามที่จะแสดงหลักฐานเพื่อพิสูจน์ทั้งสองประเด็นดังกล่าว” นาย Hougan กล่าว

ก.ล.ต. จะตัดสินออกมาเบื้องต้นว่าจะอนุมัติหรือปฏิเสธหรือขยายระยะเวลาตรวจสอบคำขอของ Bitwise ไปอีกสัปดาห์หนึ่ง ซึ่งคำตัดสินนี้มีกำหนดระยะเวลาให้ออกมาภายในสิ้นเดือน 30 มีนาคม

ที่มา coindesk

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น