<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

รัฐบาลเนเธอร์แลนด์จัดกิจกรรม Hackathon Odyssey เพื่อศึกษาการใช้ Blockchain และ AI

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Odyseesey โครงการและกิจกรรม Hackathon (กิจกรรมการแข่งขันของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่จะมาเขียนโค้ดแข่งกัน) ที่เกี่ยวกับ Blokchain และ artificial intelligence (AI) ซึ่งรู้จักกันในชื่อเดิมคือ Dutch Blockchain Hackathon และ Blockchaingers ได้กลับมาอีกครั้งในรุ่นที่ 3 เพื่อเชื่อมต่อนวัตกรรมและไอเดียที่สดใหม่ กับ รัฐบาล , บริษัท และ องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร

สนับสนุนโดยรัฐ

Hackathon ของเมื่อปี 2018

กิจกรรมดังกล่าวได้รับการสนับสนุนอย่างมากมายทั้งจาก หน่วยงานภาครัฐองค์กรและ บริษัท ต่างๆรวมถึงกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงความสัมพันธ์กับราชอาณาจักรของเนเธอร์แลนด์ ,ธนาคารกลางดัตช์, สำนักงานแห่งตลาดการเงินของเนเธอร์แลนด์ (AFM), สหภาพยุโรปเพื่อการพัฒนาภูมิภาค กองทุน Deloitte และ KLM ซึ่งมีทีมมากกว่า 100 ทีมที่แข่งกันสร้าง ซอฟต์แวร์ตัวต้นแบบ กว่า 20 ตัว เพื่อช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ในประเทศ

โดยในแต่ละการแข่งขันนั้นจะครอบคลุมในหลาย ๆ หมวดไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนแปลงพลังงาน, เครือข่ายสาธารณูปโภค, การกำกับดูแลตนเอง, การกำกับดูแลตัวตนดิจิทัล, การเงินและความปลอดภัย, ประกันสินค้า ,โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ, การฟื้นฟูสัตว์ป่าและความหลากหลายทางชีวภาพ, การจัดการวิกฤติและภัยพิบัติ และยังมีอย่างอื่นอีกมากมาย

ภาครัฐต้องการไอเดียใหม่ ๆ

แต่สิ่งสำคัญที่ทางภาครัฐอยากจะมุ่งเน้นเลยนั่นก็คือการสร้างระบบหลังบ้านที่ดีให้กับรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ที่จะเป็นยุคใหม่ของการใช้ digital identity และสามารถนำไปปรับใช้ได้ทั่วทั้งยุโรปในอนาคต ซึ่งจะต้องเริ่มต้นจากประชาชนไม่ใช่จากรัฐบาล ด้านกระทรวงมหาดไทยของเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่าแนวคิดนี้คือการพัฒนา“ วิธีการใหม่อย่างแท้จริงในการสร้าง digital identity ได้อย่างน่าเชื่อถือ”

ทางกระทรวงมหาดไทยยังได้บอกอีกว่าวิธีที่จะเริ่มต้นแก้ปัญหา ก็คือต้องให้ระบบทำงานบนอุปกรณ์ที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้และเป็นเจ้าของ เพื่อให้อำนาจกับประชาชนในการควบคุมความเป็นส่วนตัวของตัวเองและนี่คือก้าวต่อไปของระบบ ที่จะต้องเป็นรูปธรรมมากกว่านี้

ยังมีอีกหนึ่งในความท้าทายที่กระทรวงมหาดไทยของเนเธอร์แลนด์ต้องการ นั่นก็คือระบบ Open Source สำหรับ ‘เครื่องตรวจจับการละเมิดความเป็นส่วนตัว’ ที่จะทำงานกับ GDPR (หน่วยงานด้านการปกป้องข้อมูลของยุโรป) เพื่อช่วยให้ทางรัฐบาลสามารถ ป้องกันการละเมิดความเป็นส่วนตัวเมื่อมีการเผยแพร่ข้อมูล open data ใหม่

โดยความเห็นจากนาย Raymond Knops ผู้ที่ดำรงตำแหน่งเลขานุการของรัฐสำหรับความสัมพันธ์ภายในและราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์กล่าวพูดถึงโครงการ Hackathon Odyssey ว่า

“รัฐบาลดัตช์ต้องการเป็นหุ้นส่วนสำหรับทุกคนที่สามารถร่วมสร้างโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะแบบดิจิทัลที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนสังคมในศตวรรษที่ 21

The Odyssey Hackathon โครงการนี้นอกเหนือไปจากการที่เรารับรู้เรื่องประสิทธิภาพในด้าน blockchain และ AI แล้ว มันยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในโลกแห่งความเป็นจริงของเทคโนโลยีเหล่านี้ ผ่านการทำงานจริงได้อย่างประหยัดและจะช่วยปลดล็อคตลาดใหม่สำหรับธุรกิจเพื่อให้บริการและผลิตภัณฑ์ต่างๆ อีกด้วย “

ด้านหน่วยงานแห่งชาติดัตช์สำหรับการลงทะเบียนที่ดินและข้อมูลทางภูมิศาสตร์อย่าง Kadaster ของเนเธอร์แลนด์ ก็เป็นอีกหนึ่งในหน่วยงานที่ต้องการและมองหาตัวช่วยจาก Blockchain และ เทคโนโลยีขั้นสูงดังกล่าว เพื่อปรับปรุงกระบวนการและโครงสร้างพื้นฐานให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้นจากโครงการ The Odyssey Hackathon นี้

โดยหน่วยงาน Kadaster กำลังมองหาสิ่งที่จะเข้ามาช่วยในเรื่องของระบบนิเวศสำหรับกระจายข้อมูลแบบเปิดที่ ‘ให้ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับวัตถุจริงที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ที่ได้รับอนุญาติ  ’ซึ่งหากเป็นไปตามที่พวกเขาต้องการ ก็จะช่วยเร่งความเร็วในการพัฒนาโปรแกรมในช่วงปี 2019 – 2020 ได้อย่างแน่นอน

ไอเดียดีนำไปต่อยอดจริง

แน่นอนว่าในด้านการสนับสนุนจากพันธมิตรต่าง ๆ นั้นทีมที่อยู่ใน 20 อันดับแรกของโครงการ Odyssey hackathon จะได้นำเสนอไอเดียของตัวเอง รวมถึงวิธีการปัญหาต่อนักลงทุนเพื่อให้จะได้สร้างมันขึ้นมาได้จริง ๆ พร้อมทั้งรับเงินสนับสนุนมูลค่ากว่า 200,000 ยูโร นอกจากนี้แล้ว 20 ทีมจะได้รับการอบรมในโครงการ the Odyssey Incubation Programme ซึ่งจะช่วยในการทดสอบ พัฒนาเป็นระยะเวลากว่า 100 วันอีกด้วย

โดยเมื่อปีที่แล้วในโครงการนี้มีคนเข้าร่วมกว่า 1,000 คนและได้สร้างงานต้นแบบมากว่า 64 แบบ หนึ่งในนั้นมีตัวต้นแบบที่น่าสนใจอย่าง Kryha ที่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่รวม blockchain และ AI เพื่อสร้างฝูงโดรนที่ชาญฉลาดสำหรับการค้นหาและช่วยเหลือ หรืออย่าง Unchain ซึ่งได้สร้างระบบสำหรับการติดตามและระบุยาหมดอายุหรือปลอมในแอฟริกา เพื่อป้องกันการฉ้อโกงทางการแพทย์ พร้อมช่วยประหยัดงบได้ถึง 33 พันล้านยูโรต่อปีและปรับปรุงการดำเนินงานช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม อีกด้วย

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น