ปัจจุบันกัญชาถือว่าเป็นสิ่งที่กำลังได้รับการยอมรับในประเทศไทยมากขึ้น อ้างอิงจาก BBC เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาระบุว่า การใช้กัญชาและกระท่อมทางการแพทย์นั้นได้กลายเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายแล้ว โดยมีราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ 7 พ.ศ. 2562
คำถามต่อมาก็คือ เมื่อมันเริ่มถูกใช้งานในทางการแพทย์แล้วนั้น เราสามารถนำ Blockchain มาประยุกต์กับกัญชาได้หรือไม่ แล้วเหรียญคริปโตด้านกัญชามันมีหรือเปล่า
และที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือการเลือกตั้งล่าสุดที่ผ่านมาเป็นช่วงที่มีการหาเสียงของพรรคต่าง ๆ เพื่อทำการเลือกตั้งในประเทศไทย โดยหนึ่งในพรรคการเมืองที่ลงสมัครนั้นมีนโยบายที่สนับสนุนกัญชานั่นก็คือพรรค ภูมิใจไทยที่มีคุณอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) นั่นเอง รวมถึงสิ่งที่ทำให้หลาย ๆ คนต้องจับตามองก็คือ โอกาสในการที่จะได้จัดตั้งรัฐบาลของเขา
โดยนโยบายของเขานั้นได้เน้นถึงเรื่องกัญชา โดยเขาได้กล่าวว่าจะมีนโยบายปลูกกัญชาเสรี เพราะเขาได้ชูสโลแกนที่ว่า “เป็นพืชเศรษฐกิจ แก้จนให้กับคนไทย” ในวันนี้ทางสยามบล็อกเชนจึงได้มาลองวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ในสถานการณ์ที่ “หากประเทศไทยนั้นได้มีกฎหมายที่ทำให้กัญชาเปิดเสรีแล้ว มันจะถูกนำมาผนวกกับเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกอย่าง Blockchain และ cryptocurrency ได้อย่างไร
คริปโตกัญชา
นอกจากอุตสาหกรรมทางการเงินที่ Blockchain เข้าไปเกี่ยวข้องแล้วนั้น อุตสาหกรรมด้านกัญชาก็สามารถนำ Blockchain ไปใช้หรือประยุกต์รวมกันได้เช่นกัน เพราะจริงแล้วอุตสาหกรรมกัญชาเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่ามาก มากกว่า 81,000 พันล้านดอลลาร์ อ้างอิงจาก cannabismarketcap
นอกจากนี้เหรียญคริปโตด้านกัญชาก็ได้ออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคด้านกัญชาเช่นกันเช่น PotCoin เจ้า PotCoin เป็นสกุลเงินที่ได้รับความนิยมมากสุดในอุตสาหกรรมกัญชาในปี 2014 เพื่อจัดการกับข้อจำกัดทางด้านการเงินและธุรกรรมของกัญชานั่นเอง
แล้วก็ยังมี Cannabis Coin เป็นสกุลเหรียญคริปโตด้านกัญชาที่เกิดหลัง PotCoin มันถูกสร้างมาเพื่อแก้ปัญหาเรื่องการทำธุรกรรมเกี่ยวกับร้านขายยาด้านกัญชากับทางแพทย์ โดยนักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้สร้างระบบที่ชื่อว่า CAANdy เพื่อทำการแปลงค่าใช้จ่ายกัญชา 1 กัญชาให้มีค่าเท่ากับ 1 CAAN เพื่อง่ายต่อการบันทึกของเครื่องจ่ายยาและง่ายต่อการตรวจสอบว่าเป็นไปตามกฎข้อบังคับที่เข้มงวดในสหรัฐฯ หรือไม่
สองเหรียญดังกล่าวนี้เป็นกรณีตัวอย่างที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ลองจินตนาการการว่าหากในประเทศไทยที่หลังจากมีการเปิดกัญชาเสรีแล้ว มีการนำเอาเทคโนโลยีด้านบนมาปรับใช้กับวงการกัญชา ให้เป็นไปในมาตราฐานเดียวกับวงการคริปโตในประเทศที่นำร่องด้านกัญชาไปแล้ว ประเทศไทยน่าจะได้เห็นนวัตกรรมดิจิทัลที่ผนวกกับกัญชาใหม่ ๆ ก็ได้
หรืออาจไม่จำเป็นต้องเป็นสองเหรียญตามที่กล่าวมาข้างต้น เนื่องจากว่าปัจจุบันมีผู้คนมากมายพยายามที่จะสร้างเหรียญคริปโตอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับกัญชา แต่ด้วยความหลากหลายของมัน จึงทำให้ไม่มีตัวไหนที่เด่นดังสักตัว แต่อย่างน้อยนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
ลองมองออกมาให้กว้างบ้าง แล้ว Blockchain จะมาช่วยเหลือในเรื่องอะไรได้บ้าง?
ลงทะเบียนกัญชา
หากเรายกตัวอย่างในประเทศไทยนั้น Blockchain ก็น่าจะสามารถเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของการลงทะเบียนกัญชาว่า ใครเป็นเจ้าของกัญชานี้ มีสายพันธ์อะไร ปลูกเป็นจำนวนเท่าไร
นอกจากเอามาช่วยในการลงทะเบียนกัญชาแล้วนั้น ก็สามารถที่จะนำมาช่วยเหลือด้าน Supply Chain ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย อย่างเช่นก่อนหน้านี้มีรายงานว่ามีนักพัฒนารายหนึ่งได้พัฒนา Blockchain เพื่อให้ผู้คนในวงการกัญชาได้หันมาใช้เทคโนโลยีของ IOTA ด้วย
ทั้งนี้ กฎหมายด้านกัญชาในรัฐบางรัฐของสหรัฐฯ นั้นยังคงจำกัดให้ปลูกกัญชาได้แค่ 6 ต้นเท่านั้น รวมถึงการสูบกัญชาในที่สาธารณะยังเป็นสิ่งผิดกฏหมาย โดยมีค่าปรับประมาณ 100 ดอลลาร์ และห้ามเสพกัญชาในพื้นที่แถวโรงเรียน หรือสถานรับเลี้ยงเด็กอีกด้วย
แม้เทคโนโลยี Blockchain จะไม่สามารถนำมาใช้เพื่อห้ามไม่ให้ผู้คนสูบกัญชาในที่สาธารณะได้ แต่มันสามารถที่จะนำมาใช้เพื่อเก็บข้อมูลที่สำคัญอย่างเช่น license ของผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชาแบบเชิงการค้าและส่งออกได้ นอกจากนี้ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นว่าระบบ supply chain ที่ถูกควบคุมด้วย environment ที่มีความเป็น decentralised นั้นจะช่วยทำให้แน่ใจว่าการปลอมแปลงผลิตภัณฑ์กัญชานั้นจเทำได้ยากขึ้นอีกด้วย
Community สำหรับผู้รักกัญชา
ต้องยอมรับว่าผู้ที่ชื่นชอบกัญชานั้นมีอยู่ทั่วโลก แต่แพลตฟอร์มสำหรับพูดคุยเรื่องกัญชาอย่างโจ่งแจ้งนั้นอาจๆม่ค่อยมีให้เห็นสักเท่าไรเพราะเรื่องด้วยข้อกฏหมายต่าง ๆ นา ๆ ด้วยข้อกฏหมายที่แต่ละประเทศนั้นๆไม่เหมือนกัน
แพลตฟอร์ม CHEX เป็นแพลตฟอร์มสำหรับู้ที่ชื่นชอบกัญชา โดยเจาะจงไปที่ผู้เพาะปลูกกัญชาหรือผู้ผลิตนั่นเอง โดยแพลตฟอร์ม CHEX ได้อธิบายว่าเป็นบริการสำหรับการแลกเปลี่ยนสินค้าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกัญชาในรูปแบบ B2B
โดยแพลทฟอร์มดังกล่าวนั้นจะถูกรันอยู่บนระบบ Blockchain ที่ผู้ใช้งานสามารถจะมาโพสต์ซื้อขายกัญชากันแบบ B2B ได้ นอกจากนี้ยังสามารถที่จะเก็งกำไรสายพันธ์กัญชาได้เหมือนกับพระเครื่องอีกด้วย โดยผู้ใช้งานสามารถที่จะกดตั้งขาย หรือไปกดรับซื้อ หรือจะไป fill order ของผู้ที่มาตั้งขายหรือรับซื้อคนอื่น ๆ ก็ทำได้เช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีฟังค์ชันเพิ่มเติมอื่น ๆ เช่นระบบจัดการใบอนุญาตของผู้ครอบครองกัญชาที่โปร่งใส ที่ผู้คนสามารถที่จะเข้ามาตรวจสอบเมื่อไรก็ได้ทุกเมื่อ รวมถึงฟังค์ชันการจัดการระบบ supply chain, โลจิสติก และการตรวจสอบว่าสินค้าในขณะนี้ถูกส่งถึงไหนแล้วอีกด้วย
นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างในการนำเอาเทคโนโลยี Blockchain มาเพื่อต่อยอดในวงการกัญชาอย่างแท้จริง ที่ประเทศไทยเองก็มีโอกาสที่จะทำแบบนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างประโยชน์ให้ประชาชนและประเทศชาติได้อีกมาก
เมืองไทยสนใจกัญชา
ข้อมูลจากเพจลงทุนแมนได้ให้ข้อมูลราคาของกัญชาในแต่ละเมืองว่ามีราคาเท่าไร โดยในประเทศไทยนั้นมีราคาประมาณอยู่ที่ 874 บาท/กรัม ซึ่งยังค่อนข้างแพง หากเทียบกับราคาต่อกรัมของประเทศที่กัญชาถูกกฎหมายแล้วอย่างสหรัฐฯ ถึงแม้ว่าค่าครองชีพที่กรุงเทพจะต่ำที่กว่านิวยอร์คก็ตาม ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าราคาต่อกรัมของกัญชาในไทย อาจถูกลงไปได้มากกว่านี้เมื่อมันถูกกฎหมายแล้ว และอาจถูกลงได้แบบใกล้เคียงอันดับหนึ่งของโลก เมื่อมันมีการจัดการระบบ supply chain ที่ดีด้วย Blockchain ที่จะสามารถลดต้นทุนได้อีกด้วย
สุดท้ายถ้าประเทศไทยสามารถนำ Blockchain มาร่วมกับอุตสาหกรรมกัญชาได้ เราอาจจะได้เห็นพลตฟอร์ม Blockchain ที่คอยเป็นตัวกลางในการซื้อขายกัญชาโดยไม่มีตัวกลาง โปร่งใส บันทึกข้อมูลต่าง ๆ และอาจมีคลังความรู้ดี ๆ สำหรับอุตสาหกรรมนี้ เพื่อนำไปใช้ในทางด้านอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากความบันเทิง และการแพทย์ก็เป็นได้
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น